นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อม นางสาวเบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค และทีมงานก้าวไกล จ.ชลบุรี เดินทางพบปะประชาชน ที่บริเวณหน้าโรงแรมThe Now ชายหาดจอมเทียน พัทยา เพื่อปราศรัย ขอบคุณประชาชน ชาวชลบุรีหลังการเลือกตั้ง และถือว่าเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกหลังถูก ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฎิบัติหน้าที่ สส. ของนายพิธา

โดยบรรยากาศ เป็นไปอย่างคึกคัก มีมวลชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ใส่เสื้อสีส้ม หมวกสีส้ม และอุปกรณ์เชียร์ต่างๆซึ่งมีสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล และสีส้มเข้าร่วมรอต้อนรับนายพิธา เพื่อให้กำลังใจ พร้อมฟังการปราศรัย

ขณะเดียวกันระหว่างที่นายพิธามาถึง ได้เกิดพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้มวลชนต้องกางร่ม และใช้อุปกรณ์กันฝน โดยที่ไม่ได้หลบเข้าที่กำบังแต่อย่างใด แต่กลับยื่นตากฝนรอนายพิทาอย่างไม่ถอยหนี จากนั้นนายพิธาได้เดินทางมาถึง และได้ขึ้นกล่าวปราศรัย บนรถเครื่องเสียงทันที

โดยนายพิธา กล่าวกลางสายฝนว่า ถึงแม้ว่าพวกเขา จะไม่ยอมให้พวกเราจัดตั้งรัฐบาล ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยอมให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็จะลงมายืนอยู่กับพวกคุณ ยืนยันผมจะไม่ทิ้งพวกคุณ ว่าแต่ว่า เขาจะให้เลือกตั้งกันมาทำไม พอเลือกมาเป็นพิธา ก็เลือกกันไปพอพิธีใช่หรือไม่ แต่พวกเรายังหมดหวังกันไม่ได้ ยังยอมแพ้ไม่ได้ ในเมื่อเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ทั้ง 8 พรรคจะต้องตั้งรัฐบาลของประชาชน รัฐบาลของประชาชนที่รักษาสัจจะ ที่เคยให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นตนจะไม่มีวันยอมแพ้ เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ ของเผด็จการ ที่อยู่กับพวกเรามาเป็นเวลานาน

เมื่อเขาสกัดกั้นพวกเราขนาดนี้ เราก็ต้องทำงาน ในเมื่อไม่ได้อยู่ในสภา ตนก็จะอยู่กับประชาชน จะทำงานให้กับประชาชนต่อไป ให้สมกับความตั้งใจที่ประชาชนมีให้ ทั้ง 7 คน 7 เขตที่ชลบุรี

นายพิธากล่าวต่อว่า ถ้าตอนนี้เรือกำลังรั่วอยู่ จะให้เสียสละออกจากเรือ หรืออยู่ซ่อมเรือไปด้วยกัน เราก็ต้องอยู่ช่วยกันซ่อมเรือใช่ไม่ใช่ ถ้าพวกเราทั้ง 8 พรรค ที่ประชาชนเลือกมาช่วยกันซ่อมเรือ อุดรอยรั่วซ่อมเรือให้เข้มแข็ง แล้วให้คนอื่นๆขึ้นเรือมา เรือมันก็จะถึงฝั่ง ขอแค่เรารักษาสัจจะ หาเสียงมาตั้งนานขึ้นเวทีดีเบตมาไม่รู้กี่ครั้ง ที่มาขอคะแนนขอความไว้ใจจากประชาชนไม่มีความหมายเลยหรือ แล้วจะเลือกตั้งกันมาทำไม ก็ชี้มาเลยจะเอาใคร

"พี่น้องใครจะถีบผมออกจากเรือผมไม่รู้ รู้แต่อย่างเดียวว่าผมไม่ยอม ถ้าเรือมันรั่วก็ต้องช่วยกันอุด ช่วยกันซ่อม ไม่ใช่จะถีบเพื่อนออกจากเรือ และไม่ถีบประชาชนออกจากเรือด้วย 25 ล้านเสียง สู้ 250 เสียงไม่ได้ให้มันรู้ไป "

ก่อนจะปราศรัยเสร็จ ได้มีประชาชนนำดอกไม้มามอบให้กับนายพิธาขณะกล่าวปราศรัย นายพิธาหยิบดอกไม้ขึ้นชูพร้อมกล่าวว่า สุดยอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย พี่น้องชาวพัทยาไม่ต้องกังวลใจ พลังงานมาเต็มแบบนี้แล้ว มีแต่ทำงาน ทำงานแล้วก็ทำงาน เพื่อพี่น้องชาวพัทยา ใครจะปล่อยมือก้าวไกลปล่อยเขาไป ขอประชาชนอย่าปล่อยมือก้าวไกลเท่านั้นเป็นพอ พร้อมขอกำลังใจจากประชาชนโดยการนำกล่าวคำว่า"พิธาสู้ๆ " และยืนยันจะสู้ไม่ถอยแน่นอน ก่อนที่มวลชนจะพร้อมใจกันตะโกนคำว่า "นายก" หลายๆครั้ง

จากนั้นนายพิธา ได้เดินทางต่อ ไปขอบคุณประชาชน ศรีราชาบ่อวิน ที่บริเวณแยกปากร่วม จ.ชลบุรี ในเวลาประมาณ 17.00 น.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ ลูกชายคนโต นายเนวิน ชิดชอบ เดินทางถึงพรรคเพื่อไทยในเวลา 13.50 น. เพื่อร่วมวงปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตและหาทางออกของประเทศ โดยมีนายภูมิธรรม​ เวชชัย​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ​ จันทรรวงทอง​ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงไปรับถึงรถ​ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น​

โดยทันทีที่นายอนุทิน​ เดินก้าวเข้ามายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย​เคียงคู่กับนายภูมิธรรม​ พยายามสอบถามถึง ความรู้สึกที่ได้กลับถิ่นเก่าในรอบ 17 ปี เพราะนายอนุทินเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย​ปี​ 2548 ก่อนที่จะมีการรัฐประหารในปี​ 2549 และนายอนุทินได้ออกไปสังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย​ร่วมกับนายเนวิน​ ชิดชอบ ในขณะนั้น​

โดยนายอนุทินได้กวาดสายตามองบรรยากาศหน้าอาคาร ก่อนที่จะตอบว่า “โอ๊ย​ ตึกนี้มาหลายปีแล้ว” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่ามีการปรับปรุงอาคารใหม่​ นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับหันไปมอง ร้านกาแฟThinkLab ที่อยู่ภายในพรรคเพื่อไทย​ ก่อนที่นายภูมิธรรมและนายประเสริฐ​ จะกล่าวว่าเชิญชวนให้นายอนุทินเข้าไปชิม​

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการคุยในวันนี้จะได้ พูดคุยถึงการจะต้องรัฐบาลเลยหรือไม่​ นาย​ อนุทินกล่าวว่า “วันนี้ตนมาเยี่ยม”

หลังใช้เวลาหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยประมาณ 30 นาที แกนนำทั้ง2 พรรคได้แถลงผลการหารือ โดยฝ่ายเพื่อไทยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม​ เวชชัย​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ​ จันทรรวงทอง​ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขณะที่ฝ่ายภูมิใจไทยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ ร่วมแถลง

โดยนายแพทย์ชลน่านกล่าวได้กล่าวขอบคุณ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและคณะ ที่ให้เกียรติพรรคเพื่อไทยมาร่วมปรึกษาหารือ ซึ่งวันนี้เป็นการเชิญมาปรึกษาหารือถึงแนวทางที่จะร่วมกันหาทางออกประเทศในการจัดตั้งรัฐบาล

หลังจาก 8 พรรคร่วมฯ ได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และดำเนินการหาเสียงสนับสนุนเพื่อให้ถึงเป้าจัดตั้งรัฐบาล ไม่น้อยกว่า 375 เสียงในวันนี้เป็นการเริ่มต้นพูดคุย เริ่มจากภูมิใจไทยมาปรึกษาหารือเพื่หาทางออก เพราะติดเงื่อนไขว่าเมื่อพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ แล้วไม่ได้รับโอกาสจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา

จากนั้นได้เปิดโอกาสให้นายอนุทินเล่ารายละเอียดการพูดคุย โดยระหว่างนี้ นายแพทย์ชลน่านพูดว่า “นายอนุทิน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” เรียกเสียงหัวเราะ จากห้องแถลง ซึ่งนายอนุทินได้ยื่นมือมาจับไหล่นายแพทย์ชลน่านพร้อมกับหัวเราะ ก่อนที่นายแพทย์ชลน่านจะบอกว่า จะยกตำแหน่งให้ท่านแล้ว อันนี้หมายถึงการร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น

ด้านนายอนุทิน ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ได้เชิญพรรคภูมิใจไทย เพื่อหารือแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยบรรยากาศที่ดี พวกตนก็เคยอาศัยอยู่ในอาคารแห่งนี้มาก่อน กลับมาที่นี่ก็ดีใจและนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอดระหว่างส่วนบุคคลกับทุกคนในพรรคเพื่อไทย วันนี้ได้มารับทราบเจตนารมณ์ จุดประสงค์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ตรงกับพรรคภูมิใจไทยคือ
อยากให้แก้ปัญหาทางการเมืองโดยเร็ว อยากให้ประเทศของเรามีรัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินโดยเร็วที่สุด

ทางพรรคภูมิใจไทยรับทราบเจตนารมณ์ และได้บอกกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทยแล้วว่าเรามีข้อกังวลและข้อจำกัดอย่างไรบ้าง เราไม่ได้อยู่ใน MOU ของ 8 พรรค เจตนารมณ์ต่างๆเป็นไปตามแถลงการณ์ที่พรรคภูมิใจไทยได้แจ้งไว้ เรามีความจำเป็นที่จะต้องบอกให้พรรคเพื่อไทยทราบว่า “ถ้าเราจะเข้ามามีส่วนร่วมในอนาคต คงจะไม่สามารถทำงานร่วมได้ หากการร่วมยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ ยืนยันไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งใดๆ แต่เป็นเรื่องแนวทางการทำงาน ความคิด และวิธีการทำงาน ซึ่งเราได้บอกกับนายแพทย์ชลน่านไปแล้ว และคงนำข้อจำกัดนี้ไปพิจารณา ถ้ามีอะไรที่เราจะสามารถผ่านจุดที่เป็นอุปสรรคไปได้ ทางพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของพวกเราทุกคนและเพื่อประเทศไทยด้วย

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยและกำหนดกรอบเวลาแจ้งพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้มีข้อตกลงใน 8 พรรคร่วมอยู่แล้วว่า หลังจากได้รับแนวทางจาก 8 พรรคร่วมไปพูดคุยกาเสียงเพิ่มเติม เมื่อมีคำตอบหรือข้อเสนอใดๆ ซึ่งวันนี้ภูมิใจไทยตอบชัดเจนว่ามีข้อจำกัดเรื่องก้าวไกล แม้เพื่อไทยเป็นแกนนำ หมายความว่า 312+71 เป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราวางไว้อยู่แล้วว่า จากนี้จะนำเข้าที่ประชุม โดยทำเป็นขั้นตอน แจ้งข้อจำกัด ซึ่งเรามีแนวทางอยู่แล้ว ส่วนเป็นเมื่อไหร่เราพยายามแสวงหาคำตอบ

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย มีเงื่อนไขไม่เอาพรรคก้าวไกลนั้น หากพรรคก้าวไกลลดเพดานเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ นายอนุทินตอบทันทีว่าได้ย้ำคำเดิมว่าเกี่ยวกับวิธีการทำงาน เท่าที่ทำงานในสภาดูแล้วยังมีความแตกต่างกัน ซึ่งได้บอกไปแล้วว่ามีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าการเชิญพรรคการเมืองที่ไม่เอาพรรคก้าวไกลมาหารือในวันนี้ เป็นการบอกเลิกพรรคก้าวไกลทางอ้อมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านหัวเราะ ก่อนบอกว่าเป็นสมมติฐาน เราไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะในการเชิญพรรคการเมืองเป็นการรับมติจาก 8 พรรคร่วม เพื่อไทยพยายามเชิญเกือบทุกพรรค ดังนั้นการตั้งสมมติฐานนี้เป็นการคิดเอง พรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดเช่นนั้น

ขณะเดียวกันยังบอกด้วยว่าด้วยว่าตั้งใจที่จะเชิญทุกพรรคยกเว้นบางพรรคที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขพราะเสียงเพียงพอแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถือว่าอยู่ในเงื่อนไขใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านบอกว่า “ตอนนี้ยังครับ” ส่วนพรรคพลังประชารัฐ กำลังพิจารณาดูว่ามีแนวทางที่จะพูดคุยกันได้หรือไม่

เมื่อถามว่าคำว่า “มันจบแล้วครับนาย” สามารถมาเริ่มต้นกันใหม่ได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าไม่เกี่ยวกันเป็นเรื่องส่วนบุคคล

ส่วนยังมี MOU 8 พรรคร่วมอยู่หรือไม่ หรือต้องฉีกสัญญา นายแพทย์ชลน่านระบุว่า ต้องทำตาม 8 พรรคร่วมที่มอบหมายให้มาทำดังนั้นเงื่อนไขยังต้องอยู่ภายใต้ MOU หนึ่งบอกไม่ได้ว่าจะฉีกหรือไม่

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแคนเดตเดตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าในสภาต่างคนต่างมีบทบาท ถ้าเราไม่ได้เป็นคนของรัฐบาลจำเป็นต้องโหวตในความเป็นคนละหาก แต่ยังต้องมีการพูดคุย แต่ถ้ามีความจำเป็น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ เราก็จะพิจารณา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ใน MOU มีเรื่องกฎหมายกัญชาจะต้องแก้ไขหรือไม่หากพรรคภูมิใจไทยเข้ามาร่วมงานด้วย นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าเป็นคนละประเด็น 8 พรรคให้เรามาพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย หากมีข้อตกลงอย่างไรให้ไปคุยกับ 8 พรรค แต่ขณะนี้ภูมิใจไทยยืนยันชัดเจนว่าหากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ใน 8 พรรคร่วม ภูมิใจไทยไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ จึงไม่เกิดอะไรขึ้นกับ MOU ที่เขียนไว้

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีนายกันณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม เสนอให้เลื่อนการโหวตนายกฯออกไป อีก 10 เดือน โดยให้รัฐบาลรักษาการทำงานไปก่อน เรื่องนี้นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าต้องถามกลับว่าประชาชนยอมให้มีรัฐบาลรักษาการยาวถึงขนาดนั้นหรือไม่ ขณะที่นายอนุทิน กล่าวในฐานะรัฐบาลรักษาการว่าบทบาทรัฐบาลมีข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่หลายอย่าง รอ 2-3 เดือนหลังสถานการณ์เลือกตั้งสามารถทำได้ แต่ถ้ารอเป็น10 เดือนภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีข้อจำกัดมากมาย ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง


ภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายอนุทิน ได้ร่วมดื่มเมนูช็อกมิ้นต์ ที่คาเฟ่ต์พรรคเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ก่อนที่นพ.ชลน่าน จะส่งกลับ

ต่อมา 15.42 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมคณะ ได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทยตามเทียบเชิญ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสุวัจน์​ ว่ารู้สึกอย่างไร นายสุวัจน์​ ระบุว่า เคยอยู่ที่นี่เหมือนกัน เหมือนกลับบ้าน มาเที่ยวบ้าน

ภายหลังการหารือประมาณ 20นาที ก่อนแถลงข่าวร่วมกันโดยนายสุวัจน์ กล่าวขอบคุณพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำ 8 พรรคให้เกียรติเชิญมาหารือครั้งที่ 2 พร้อมระบุว่า ก่อนมาหารือ พรรคได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า เพื่อกำหนดท่าทีให้มีความชัดเจน โดยคณะกรรมการชุดรักษาการประชุมและมีมติพรรคจุดยืนเข้าร่วมรัฐบาล

โดยยินดีให้มีการสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งลุล่วงโดยเร็วไม่ให้เกิดสุญญากาศเพราะมีปัญหาด้วยมติพรรคมีจุดยืนนโยบายและแนวทางการเมือง เป็นประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งเป็นเงื่อนไขร่วมรัฐบาล 1.สนับสนุนรับบาลเสียงข้างมาก ไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย 2.จะสนับสนุนพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งรัฐบาล หากไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 2 ดำเนินการ และ 3.เร่งรัดแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจประเทศ 4.จุดยืนเกี่ยวกับมาตรา 112 ของคงไว้และไม่มีการแก้ไข

พร้อมย้ำว่าต้องการรักษาแนวนโยบายและแนวทางการเมืองสัญญาที่ให้ไว้ประชาชน รักษาบรรฐานการเมือง หลังโหวตนายก ฯ 2 ครั้ง ยังไม่ได้ จนเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเพื่อไทย และเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และภายใต้การนำของเพื่อไทยนำไปสู่การบริหารประเทศแก้ไขวิกฤติประเทศให้ลุล่วง พรรคชาติพัฒนากล้าเชื่อมั่นแนวทางพรรคเพื่อไทยสอดรับกับมติพรรคชาติพัฒนากล้า เว้นเรื่องการแก้มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ไม่ตรงกับแนวทางพรรคชาติพัฒนากล้า

วันนี้พรรคชาติพัฒนากล้าแลกเปลี่ยนความเห็นกับพรรคเพื่อไทย มีมติพรรค พร้อมเข้าร่วมตั้งรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และสนับสนุนนายกฯของเพื่อไทยในรัฐสภา

จากนั้น นพ.ชลน่าน ได้พานายสุวัจน์ ไปดื่มช็อกมิ้นต์ ที่คาเฟ่ต์พรรคเพื่อไทย โดยนายสุวัจน์ กล่าวขณะชนแก้ว ว่า พร้อมสนับสนุนเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลประสบความสำเร็จ เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศ

โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาพรรค และนางสาวพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ เข้ามาที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคสุดท้ายของวันนี้ โดยใช้เวลาเจรจานาน 30 นาที

โดยภายหลังการเจรจา มีการแถลงข่าว โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคใหญ่ เป็นพรรคขนาดกลาง แต่มีเสียงที่ต้องโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้ได้รับเกียรติเชิญมารับฟังและพูดคุยอธิบายถึงเหตุผลแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ได้ออกแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้ ไม่สามารถรับการเมืองบางพรรคได้ ไม่ได้เจรจาเรื่องอื่น

หากพรรคก้าวไกลลดเงื่อนไข ม.112 นายพีระพันธุ์ ย้ำว่า วันนี้ไม่ได้มาคุยเรื่องร่วมรัฐบาล แต่มาเพื่ออธิบายเหตุผล ซึ่งแนวทางอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลมีความแตกต่างกัน และไปกันไม่ได้ จึงไม่สามารถสนับสนุนได้ ยืนยัน เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลต้องขอรอดูว่ามีพรรคที่ไม่สามารถร่วมกันได้หรือไม่

ส่วนกรณีที่หลายคนในพรรครวมไทยสร้างชาติ เคยมีปัญหากับพรรคเพื่อไทย สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้สามารถกลับมาร่วมงานกันได้แล้วใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ร่วมงานกัน แต่รับเชิญมาอธิบายเหตุผล ว่า เพราะอะไร ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางในเชิงของการตั้งรัฐบาล เพราะก็ห่วงชาติบ้านเมืองไม่แพ้กับพรรคการเมืองอื่น แต่ด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เราจำเป็นต้องปฏิเสธ ซึ่งในพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกอบด้วยบุคคลที่มาจากหลากหลายแนวความคิดในอดีตที่แตกต่างกัน แต่วันนี้ทุกคนรวมไทยสร้างชาติไม่มีอดีต ถ้าไม่ลืมอดีตก็จะไม่มีอนาคต พวกเรารวมไทยสร้างชาติมีแต่อนาคตของชาติบ้านเมือง และความเป็นรวมไทยสร้างชาติ ไม่มีอดีตอีกแล้ว แต่ปฏิเสธตอบว่าจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ วันนี้มาคุยเพียงถึงเหตุผลของพรรคเท่านั้น และถ้ายังมีบางพรรคที่พรรครวมไทยสร้างชาติรับไม่ได้ การตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย เราไม่ยกมือให้ทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีพรรคก้าวไกล ก็พิจารณายกมือให้ได้ เพราะปัญหาที่ห่วงอาจจะไม่มีก็ได้


จากนั้นได้พากันไปที่คาเฟ่ต์พรรคเพื่อไทย โดยบรรยากาศบนโต๊ะเป็นไปอย่างชื่นมื่น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม


โดยผลเจรจาวันนี้ พรรคภูมิใจไทย ยืนยันไม่สามารถร่วมงานกับพรรคก้าวไกลได้

ขณะที่พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่สนับสนุนแก้มาตรา112

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันจุดยืนเดิม จะต้องไม่แตะมาตรา112

นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ ขุดคลิปของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่ไปปราศรัยที่จ.ศรีสะเกษ ในหัวข้อ "ไปศรีสะเกษ ไล่หนูตีงูเห่า"

โดยมีการนำภาพคลิปวันนั้น นำมาเทียบกับภาพของนายอนุทิน ที่เดินมาทางมาพรรคเพื่อไทยในวันนี้

และเมื่อย้อนไปเรื่องยโยบายกัญชา โดยพรรคก้าวไกลเคยประกาศไม่เอากัญชา และจะนำกลับไปเป็นยาเสพติด แล้วควบคุมใช้ประโยชน์มากกว่าโทษ

และพรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งให้พรรคเพื่อไทย เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล

และในวันนี้นายอนุทิน มาที่พรรคเพื่อไทย และนายอนุทินต้องชูเรื่องกัญชา เพราะเป็นนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย

พิธา สอนเจ็บเรือรั่วอย่าถีบเพื่อน อดีตปวดจี๊ดคำเพื่อไทยไล่อนุทิน-วันนี้ชนแก้วชื่นมื่น