7 ส.ค.2566 พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย , นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาพรรค แถลงข่าวร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล 

ซึ่งแกนนำทั้งสองพรรคได้มาประชุมร่วมกันตั้งแต่เวลา 16.00 น. จากนั้นเวลา 16.35 น. ได้ลงมาแถลงข่าว

 

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นครั้งที่สอง ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้เกียรติประสานงานและเชิญพวกเรามาพบกันที่นี่ เพื่อมาหารือเรื่องการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

พรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับคำเชิญจากพรรคเพื่อไทยในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล สืบเนื่องมาจากการที่ได้หารือกันครั้งแรก เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว พรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันกับเพื่อไทยว่าไม่ขัดข้องที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลักการ 3 ประการจากพรรคภูมิใจไทยที่ได้นำเสนอคือ

- ไม่แตะต้อง ม.112
- ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
- หากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะต้องไม่มีพรรรคก้าวไกล

ดังนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไปเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนประเทศได้เดินหน้าต่อไปโดยอุปสรรคน้อยที่สุด ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่หารือกับพรรคอื่น ก็ขอให้ถือว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ให้ถือว่ามี 212 คือ 141 + 71 เสียงของพรรคเพื่อไทยเป็นพื้นฐาน เพื่อให้การพูดคุยหารือเป็นการให้ความมั่นใจกับพรรคอื่น

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้

1.ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ

2.จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.

3.ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง

4.จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

5.การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

จตุพรลั่น เพื่อไทยจับมือภูมิใจไทย แค่การแสดงไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตนักการเมืองชื่อดัง เปิดเผยกับ นักข่าวช่อง8 ว่า การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้เป็นเพียงแค่การแสดงละครเท่านั้นส่วนตัวมองว่าพรรคเพื่อไทยต้องการทำให้พรรคก้าวไกล เห็นว่าตนเองตัดบัวไม่เหลือใย แต่การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะไม่สำเร็จอย่างแน่นอนนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะสองพรรคการเมืองนี้รวมกันก็ได้เสียง ส.ส. แค่212 เสียง ยังขาดอีก เกือบ160 เสียง ถือว่าเสียงส.ส.รวมกันน้อยกว่า ตอนนี้ก้าวไกลพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียอีก

ส่วนสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องจับมือร่วมกันกับพรรคภูมิใจไทยเป็นเพราะว่าพรรคภูมิใจไทยมีบาดแผลที่แห้งกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ หากจะไปจับมือร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะเป็นไปได้ยากเพราะเคยเป็นขั้วตรงข้ามกันมาก่อน

ดังนั้นการสละมือจากพรรคก้าวไกล และหันมาหลอมรวมกับพรรคภูมิใจไทยอาจเป็นแค่การละครเพียง1 ตอนเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยรู้ดีว่าโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นเรื่องยากหากไม่มีพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องโอกาสที่จะได้เสียง ส.ว. แทบจะไม่มี

ขณะที่เมื่อวานนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวในวันหยุดว่าเลขาธิการของพรรคเพื่อไทยยื่นสอบเลขาธิการของพรรคภูมิใจไทยเพราะฉะนั้นก็จะเห็นร่องรอยของความร้าวฉานนี้อยู่แต่ว่าการเมืองมันคือการแสดง และนี่อาจจะเป็นหนทางที่พรรคเพื่อไทยหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเอาพรรคการเมืองที่เคยลั่นสัจะวาจาไว้มาอยู่ร่วมกับรัฐบาลโดยใช้การเลี่ยงบาลี เพื่อให้ตัวเองถูกต่อว่าน้อยที่สุด

นายจตุพร ยังบอกอีกว่า หากพูดถึงภาพรวมการเมืองไทยหลังจากนี้ยังไม่มีหนทางที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ // ซึ่งเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยรู้ดีว่า ตัวเองจะต้องเล่นการแสดงในบทบาทไหนและอะไรคือของจริงอะไรคือของลวง หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และตกที่นั่งลำบากที่สุดในทุกพรรคการเมืองซึ่งเป็นผลมาจากคำพูดที่เคยลั่นเอาไว้บนเวทีหาเสียงเมื่อก่อนการเลือกตั้ง รวมถึง การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีก4ปีข้างหน้านี้ก็อาจจะได้รับคะแนนเสียงน้อยลงเพราะเคยทรยศต่อประชาชนเอาไว้

นายจตุพร บอกอีกว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็อาจจะเป็นเพียงการโหวตเพื่อการประจานเท่านั้น เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าประชาชนจะกลับมาอยู่บนถนนจนเต็มแผ่นดินหรือไม่

หลังจากนี้ ขอให้พรรคเพื่อไทยย้อนกลับไปถึงสถานการณ์วันที่ นายก สมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีได้สองเดือนครึ่งก็ไม่มีโอกาสได้เหยียบทำเป็นนายกรัฐมนตรีได้สองเดือนครึ่งก็ไม่มีโอกาสได้เหยียบทำเนียบรัฐบาลแม้แต่วันเดียว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อาจจะทำให้ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อาจจะทำให้อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านได้ยากลำบากมากขึ้น หรือมากไปกว่านั้น คุณอุ๊งอิ๊ง ก็อาจจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปด้วย

จึงอยากแนะนำว่า หากพรรคเพื่อไทยอยากกลับมามีที่นั่งอีกครั้งแนวทางออกหลังจากนี้ต้องยืนหยัดอยู่บนคำพูดของตัวเองและมีสัจจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เคยพูดไว้ ก็อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ฟันธง! เพื่อไทยส่งไม้ต่ออนุทินดึงลุงตั้งรัฐบาล "จตุพร" ชี้เกมลวงตาหนีคำทรยศ