บรรยากาศโศกเศร้า รับศพ ผกก.เบิ้ม ภรรยาและลูก 8 ขวบไปรับศพ

12 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น. ภรรยา และลูกชายวัย 8 ขวบของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม เดินทางมาถึงที่แผนกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โดยเมื่อมาถึงภรรยา ลูกชาย และครอบครัวของพ.ต.อ.วชิรา พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าไปด้านในอาคารทันที เพื่อติดต่อรับร่างของพ.ต.อ.วชิราไปประกอบพิธีทางศาสนา

ต่อมาเวลา 12.40 น. ได้มีการเคลื่อนร่างของพ.ต.อ.วชิราออกมาขึ้นรถ เพื่อนำไปประกอบพิธีน้ำศพและสวดอภิธรรมคืนแรกที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ซึ่งภรรยาและลูกชายได้นั่งรถไปกับร่างของพ.ต.อ.วชิราด้วย โดยลูกชายวัย 8 ขวบอยู่ในอาการเศร้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ต้องคอยกอดปลอบไว้


แม่ยาย ผู้กำกับเบิ้ม เผยไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ด้านแม่ยาย พ.ต.อ.วชิรา เดินทางมาที่นิติเวช และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าก่อนหน้าได้คุยกับทางผกก.เบิ้ม ซึ่งเจ้าตัวได้โทรหา ครอบครัวแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งยังกล่าวพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าอีกด้วยว่า ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันเกิดขึ้นเร็วมากก่อนเกิดเหตุไม่มีลางสังหรณ์อะไร ตัวลูกเขยแค่ดูเงียบผิดปกติ พยายามถามลูกสาว แต่ก็ไม่ได้บอกถึงความผิดปกติของลูกเขย เมื่อวานตนไปที่เกิดเหตุ รายละเอียดอยากให้คุยกับลูกสาวซึ่งเป็นภรรยาของผกก.เบิ้มมากกว่า


รองต่อศักดิ์ วอนหยุดมโน ปม ผกก.เบิ้ม จบชีวิต

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ ถูกยิงเสียชีวิต มีการพูดคุยกับ พ.ต.อ.วชิรา จนทราบว่ามีอาการเครียด และพูดตัดพ้ออยู่ว่า เป็นคนที่พา สารวัตรแบงค์ ไปเจอเหตุการณ์ และดูแลน้องเป็นที่รักไม่ได้ รู้สึกเสียใจตลอดเวลา และ ผกก.เบิ้ม ยังบอกอีกว่า อยากจะลาบวช เพื่อขออโหสิกรรม ให้กับสารวัตรแบงค์

ในส่วนของลูกวัย 8 ขวบ ยังไม่รู้เรื่องอะไร เขาก็ถามว่าพ่อลงไปนอนในนั้นทำไม แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเสียใจแต่อย่างใด จึงอยากฝากถึงโซเชียล จะลงอะไรสงสารเด็ก สงสารครอบครังเขาด้วย เขาคือผู้สูญเสีย มันเป็นการตอกย้ำ ซึ่งจะเห็นวันนี้คนรักเบิ้มเยอะ จะเห็นได้จากการร่วมรดน้ำศพ

ในส่วนของภรรยา ก็ได้พวกเป็นกำลังใจให้ เขาก็เข้มแข็ง ภรรยาเบิ้มเป็นทหาร อยู่กรมแพทย์ทหารบก อยู่ที่อุตรดิตถ์ ก็บอกว่าไม่รู้ห่วงเรื่องครอบครัว ทุกคนพร้อมให้ความช่วยเหลือ ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวด้วย

 

วงจรปิดผกก.วชิรา หนีออกจากโรงแรมย่านเมืองทองกลับไปบ้านก่อนก่อเหตุยิงตัวเองตาย

วันนี้ (12 กย.) ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีการบันทึกเอาไว้จากบริเวณด้านหน้าของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานี โดยช่วงเวลาประมาณ04.10น. จะเห็นว่าตัวของ ผกก.วชิรา เดินออกจากโรงแรมที่พักเพื่อที่จะไปรอโบกแท็กซี่กลับไปที่บ้านย่านปทุมธานี ก่อนที่จะ ลงจากแท็กซี่และปีนรั้วเข้าไปภายในบ้าน และมีการก่อเหตุปิดชีพตัวเอง โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพชัดเจนว่าตัวของ ผกก.วชิรา เดินออกจากโรงแรมเพื่อไปที่ถนนภายในเมืองทองธานี

นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพบริเวณซอยภายในบ้านไม่ไกลจากบ้านของ ผกก.วชิรา จับภาพได้เวลา 04.52 น. (เวลาช้า2นาที) จะเห็นว่ารถแท็กซี่คันที่ไปรับ ผกก.วชิรา มาจากโรงแรมแถวเมืองทองธานีได้ขับเข้ามาส่งภายในหมู่บ้าน ขับเข้าไปส่งและขับกลับออกมา จากนั้นกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวช่วงเวลาประมาณ 04.55 น. (เวลาช้า2นาที) จะได้ยินคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานและตำรวจวิยาการยืนยันว่าอาจเป็นเสียงปืนนัดที่มีการปิดชีพผกก.วชิรา เองเนื่องจากสภาพศพเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง


แท็กซี่เผยผกก.วชิราเครียด ไม่คุยอะไรในรถ ยันไม่มีเล่นมือถือ

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พยายามติดต่อไปหาคนขับแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู คือ นายสุจิต อายุ 57 ปี เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือเจอตัว โดยอ้างว่า กระทบต่ออาชีพแท็กซี่ และกระทบต่อชีวิตความเป็นส่วนตัว แต่สะดวกให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลทางโทรศัพท์

นายสุจิต คนขับแทกชี่ เผยว่า เหตุการณ์ในคืนนั้นตนเองขับผ่านบริเวณย่านเมืองทองธานี แล้วมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ โบกแท็กซี่ เรียกให้ไปส่งลำลูกกาคลอง2 ซึ่งตนเองก็รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี จึงขับมาตามเส้นทางที่เคยขับปกติ ซึ่งก็ไม่ได้มีการสอบถามว่าจะไปถึงปลายทางจุดใด และระหว่างทางสังเกตว่าตัวของผกก. นั่งเงียบไม่พูดคุยหรือสอบถามอะไรเพิ่มเติมเหมือนเช่นผู้โดยสารคนอื่น ลักษณะเก็บกด หน้าเครียด มองออกไปนอกหน้าต่าง และที่สำคัญตนเองก็ไม่รู้จักว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับคดีของกำนันนกหรือไม่ มารู้ทีหลังหลังจากที่เป็นข่าวแล้ว และในระหว่างที่นั่งโดยสารอยู่ในรถก็ไม่ได้มีการหยิบมือถือหรืออุปกรณ์อะไรขึ้นมาใช้ในระหว่าง จึงยืนยันว่าไม่ได้เล่นมือถือ แต่ก็ไม่รู้ว่าในกางเกงมีมือถือพกติดตัวมาด้วยหรือไม่เพราะไม่เห็นแสงไฟในขณะที่ใช้มือถือในรถ

และระหว่างที่ใกล้จะถึงหมู่บ้าน ตนเองได้ขับหลงทาง เนื่องจากตัวผกก. ไม่ยอมบอกเส้นทางหรือหมู่บ้าน จนกระทั่งตนเองขับลงไปที่ถนนลูกรังลักษณะมืด จึงค่อนข้างกังวลใจกลัวว่าจะเป็นมิจฉาชีพ เนื่องจากเขามีลักษณะสูงใหญ่ แต่ทันทีที่ตนเองขับรถหลงทาง ผกก. พูดขึ้นมาว่า “กลับรถครับ ผิดทาง ไม่ใช่เส้นทางนี้” ตนเองจึงได้วกรถกลับ และมาคุยกันอีกทีคือถึงหน้าหมู่บ้าน ตัวผกก.บอก ให้เข้าไปในหมู่บ้านนี้ ตนเองก็รู้สึกดีใจและโล่งใจ อย่างน้อยก็ได้เงิน และไม่ถูกหลอกถึงหมู่บ้านและปลายทางเสียที

ทันทีที่ถึงหมู่บ้าน ก็ได้มีการคุยกับ ผกก.อีกประโยค คือการบอกบ้านเลขที่และซอย จากนั้นตนเองก็แลกบัตรเข้าไปส่งตามปกติ โดยทางด้านของผกก.ยื่นเงินให้ 300บาท พร้อมบอกว่าไม่ต้องทอน แม้ว่า มิเตอร์จะอยู่ที่ 221 บาทก็ตาม ตนเองก็กล่าวขอบคุณ หลังจากนั้นตัวผกก. ก็ลงจากรถไป ตนเองก็ไปกลับรถตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป และขับออกมาตามปกติ ซึ่งตอนที่ตนเองส่งผกก.แล้ว ก็ไม่ได้สังเกตว่ามีการปิดรั้วเข้าไปหรือเข้าบ้านหลังไหน ข้อมัวแต่หาจุดกลับรถ และหลังจากที่กลับรถกลับมาแล้วก็ไม่เจอเข้าใจว่าเข้าบ้านไปแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตัวเองรู้สึกตกใจหลังจากที่เห็นข่าวในวันรุ่งขึ้น ที่ตัวของผกก. มีการปีนรัวเข้าไปภายในบ้าน พร้อมกับมีการก่อเหตุยิงตัวเองตาย ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าจะมาส่งเค้าตายที่บ้านด้วยซ้ำ เพราะเข้าใจว่าเป็นผู้โดยสารทั่วไป นั่งโดยสารมาเพื่อกลับบ้าน แล้วตอนที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ จึงเข้าใจว่าไม่ได้มีการมึนเมา

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคืนวันเกิดเหตุ จะเห็นรถแท็กซี่สีชมพู ซึ่งรับ ผกก.วชิรา มาจากแถวเมืองทองธานี กลับมาแถวหมู่บ้านย่านปทุมธานี โดยจะเห็นรถแท็กซี่ขับผ่าน เข้าออก ซึ่งเป็นกล้องของเทศบาลเมืองฯ ติดตั้งอยู่เส้นทางก่อนถึงหมู่บ้าน

ผู้การเต่า ร้องไห้เสีย 2 ลูกน้องฝีมือดี ขอสังคมอย่าตั้งข้อสงสัยหรือกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยถึงกรณีที่ พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ตัดสินใจยิงตัวตาย เพราะความเครียดจากเหตุที่ พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือ สารวัตรศิว ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ว่า รู้สึกเสียดายที่ต้องสูญเสียลูกน้องไปอีกคน เพราะพันตำรวจเอก วชิราเป็นคนดีคนหนึ่ง ที่ไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับใคร มีอัธยาศัยดี ตำรวจทั้งสองนายเป็นลูกน้องที่น่ารัก โดย

ระหว่างให้สัมภาษณ์ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะทำใจไม่ได้ที่เสียลูกน้องไปติดๆ กันถึง 2 คน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย พร้อมกับยกมือไหว้ท่วมหัวขอร้อง

ผู้การร่ำไห้เผย ผกก.เบิ้ม ดับเพราะถูกโจมตี แท็กซี่อึ้งอาการสุดท้ายก่อนปืนดัง