ตำรวจคุมตัว เจษฎา เมียไอ้เอ็มชี้จุดใหม่ทางออกปั๊มน้ำมัน

เมื่อเวลา 17.20 น. ตำรวจได้คุมตัว น.ส.เจษฎา ออกจากห้องสืบสวน สน.บางเขน หลังศาลออกหมายจับ 5 ข้อหา เพื่อไปชี้จุดหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

โดยระหว่างคุมตัวออกมา นักข่าวก็พยายามถาม น.ส.เจษฎา ว่า เป็นคนเอาศพไปทิ้งจริงไหม มาจนถึงตอนนี้เครียดหรือไม่ แต่ น.ส.เจษฎา ไม่ตอบคำถามใดๆ

ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางเขน ได้ควบคุมตัว น.ส.เจษฎา มาที่จุดพบชิ้นส่วนกระดูกริมถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 25 เพื่อให้ได้พิกัดจุดทิ้งศพลูกเมื่อ ปี2559 และ ปี2561 ที่ชัดเจน เมื่อมาถึงจุดดังกล่าว น.ส.เจษฎา ได้ไหว้ศาลเจ้าที่บริเวณนั้น เพื่อขอให้เปิดทางในการค้นหาร่างของลูกชาย

จากนั้นตำรวจได้พา น.ส.เจษฎา เดินสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ ระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยเป็นจุดที่ น.ส.เจษฎา ใช้เวลาในการนึกย้อนเหตุการณ์ ก่อนจะชี้จุดตรงทางออกปั๊มน้ำมัน ปตท. หลังจากนั้นตำรวจได้พาเดินมาบริเวณริมถนนพหลโยธิน เพื่อสังเกตพื้นที่อีกครั้ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เพื่อนแฉ เอ็มเคยเล่าให้ฟังว่ามีกิ๊กคนอื่นที่ไม่ใช่เจษฎา ภรรยา

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ย่านพหลโยธิน 50 แยก 11 ซึ่งอพาร์ทเมนท์แห่งนี้นายเอ็มและนางเจษฎาเคยเช่าหอพักอยู่ด้วยกันเมื่อประมาณ2-3 ปีก่อน ก่อนจะย้ายห้องพักไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน 48 แยก 11 ทีมข่าวพบกับนายเพชร (นามสมมติ) เพื่อนของนายเอ็ม บอกว่า ตนเป็นเพื่อนกับนายเอ็มแต่ไม่ได้สนิทกันมากนัก รู้จักกันเพราะนายเอ็มเคยเอารถมาซ่อมที่ร้านของตน แล้วมีการพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวซึ่งนายเอ็มเล่าว่าพักอาศัยที่อพาร์ทเม้นท์ในซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 พักอาศัยกันสามคน คือ นายเอ็ม ,ภรรยา ,และลูกสาวอายุ 12 ปี ยืนยันตอนนั้นไม่เห็นเด็กหญิงอายุ 4 ปี อยู่กับนายเอ็มและภรรยา

ระหว่างที่นายเอ็ม ภรรยาและลูกสาวใช้ชีวิตอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้ ก็ไม่ได้มีพิรุธว่าจะก่อเหตุฆ่าลูกแล้วอำพรางศพ ก็เห็นบ่อยครั้งที่นายเอ็มภรรยาและลูกจะจูงมือกันลงมาจากอพาร์ตเม้นต์แล้วเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ และเด็กหญิงอายุ 12 ปี ก็ไม่ได้ส่งสัญลักษณ์อะไรเพื่อขอความช่วยเหลือ สังเกตเห็นเพียงว่าบริเวณใบหน้าของเด็กมีรอยแผล ก็ได้สอบถามนายเอ็มก็บอกว่าลูกสาวทำน้ำร้อนลวกหกใส่ตัวเอง และยังสังเกตุเห็นใบหน้าของนางเจษฎาภรรยาของนายเอ็ม ก็มีรอยฟกช้ำบางจุด แต่ก็ไม่ได้กล้าถามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว

ทั้งนี้นายเอ็มยังได้มาปรึกษาตนเรื่องที่เพิ่งออกรถคันใหม่คือรถฮอนด้าแจ๊สสีเทา โดยมาปรึกษาเรื่องรถและการซ่อมรถ ตอนนั้นนายเอ็มก็ยังได้เปิดรูปภรรยาอีกคนให้ตนดูคาดว่าคือนางสุนัน ซึ่งนายเอ็มบอกว่าตนเองมีกิ๊กอีกคน ตอนนั้นนายเอ็มเล่าให้ฟังในฐานะเพื่อน แต่ตนไม่ได้ถามรายละเอียดอื่นๆ จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่นางสุนันมาหานายเอ็มที่อพาร์ทเม้นท์ก็เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ส่วนภรรยาคนอื่นของนายเอ็มตนไม่รู้จัก และไม่รู้จักกับนางจิตราภรรยาคนที่ 5 ของเอ็มด้วย ก็เพิ่งทราบว่านายเอ็มมีภรรยาเยอะ ต่อมาทั้งครอบครัวของนายเอ็มก็ย้ายออกไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 และตนก็ไม่ได้ข่าวคราวครอบครัวนี้อีกกระทั่งเป็นข่าว

เผยหากตอนนั้นตนรู้ว่านายเอ็มและภรรยาทำร้ายร่างกายลูก ก็คงจะเร่งเข้าช่วยเหลือเด็ก แต่ที่ผ่านมาไม่ทราบเลย เพราะบุคลิกภายนอกนายเอ็มเป็นคนสุภาพพูดจาเพราะ และมีคำว่าครับปิดท้ายประโยคไม่คิดว่าจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม

ซึ่งขอยืนยันว่านายเอ็มพูดจารู้เรื่องและไม่ได้มีอาการทางจิตเวช สาเหตุที่ทำร้ายลูกก็เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากอาการทางจิต ส่วนตัวช็อคมากที่นายเอ็มฆ่าลูกตัวเองแถมยังเอาศพไปอำพรางคดี

“หมอหมู” เผยลักษณะแผลต้นแขน “เจษฏา” อาจเกิดจากการถูกกระทำ

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) จากกรณีบาดแผลของนางเจษฎา บริเวณต้นแขนซ้าย ที่เป็นลักษณะเส้นนูนหลายๆ เส้นเรียงกัน และมีบาดแผลใหญ่อยู่ด้านบนนั้น คาดว่าน่าจะเกิดจากแรงที่กระทำจากภายนอก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แผลที่เป็นเนื้อนูนนั้น ต้องเกิดจากรอยแผยที่ฉีกขาด และเกิดการสมานแผลที่ผิดปกติ จนเป็นบาดแผลเนื้อนูน เพราะฉะนั้น รอยแผลที่เห็นก็มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากของมีคม หรือถูกของร้อน สารเคมีบางชนิด จึงทำให้เกิดเนื้อนูนขึ้นมา

ผล DNA ยืนยันไม่ใช่กระดูกของมนุษย์

20.00 น. มีรายงานว่า ผลการตรวจDNAกระดูกที่พบ จากการขุดย่านสายไหม ตามคำให้การของ เจษฎาว่าเป็นจุดทิ้งศพลูก ‘ไม่ใช่กระดูกมนุษย์’

โดย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยว่า หลังมีการขุดพบซากชิ้นกระดูกทั้ง 2 วัน จากนั้นส่งตรวจทางกายภาพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยแพทย์นิติเวชลงความเห็นเบื้องต้นว่าไม่น่าใช่กระดูกมนุษย์ ทั้งนี้ ได้ส่งกระดูกบางชิ้นตรวจหาดีเอ็นเอ แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบผล ซึ่งได้รายงานผลตรวจสอบเบื้องต้นไปยัง สน.บางเขนแล้ว หลังจากนี้จะต้องมาหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป