จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้นำเสนอเรื่องราวการเสียชีวิตของ "มาร์ค" หรือ นายทิวา อายุ 25 ปี ซึ่งได้เสียชีวิตหลังจากที่จัดงานฉลองครบรอบวันเกิดของตัวเอง โดยเพื่อนและครอบครัวของน้องมาร์คต่างติดใจในสาเหตุการตาย เพราะคำบอกเล่าจากแฟนหนุ่มของนายทิวา ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยในหลายแง่ โดยแฟนหนุ่มของนายทิวาที่นั่งมาในรถด้วยกัน อ้างว่าผู้เสียชีวิตหยอกล้อกันก่อนจะกระโดดลงมาจากรถเอง ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลตอนที่มูลนิธิไปเจอศพตอนแรก และบอกว่าลักษณะศพไม่เหมือนคนที่ตกรถเพราะไม่มีร่องรอยบาดแผลถลอก เสื้อผ้าไม่ฉีกขาด แต่กลับมีเลือดออกปากและจมูก แถมจุดที่อ้างว่าคนตายกระโดดยังห่างกับจุดที่พบร่างไกลถึง 500 เมตร

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ 17 พ.ค.67 ทางด้านของนายเปา อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของนายทิวา (ผู้เสียชีวิต) ได้ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

ประเด็นที่ 1 นายเปาเปิดเผยว่าตัวเองนั้นได้คบหากับนายทิวามาเป็นเวลา 5-6 เดือน โดยที่ความสัมพันธ์ก็ราบรื่นดี แต่จะมีปัญหากันก็ต่อเมื่อนายทิวามีอาการเมา เมื่อนายทิวาเมาก็มักจะโวยวายทำลายข้าวของจนพังเสียหาย สาเหตุส่วนใหญ่ก็จะมาจากความหึงหวง ซึ่งนายทิวาก็มักจะหึงหวงทั้งที่ไม่มีมูลเหตุอะไร และนายเปาเองก็เคยขอเลิกกับนายทิวา 3-4 ครั้งแล้ว แต่นายทิวาก็กลับมาง้อขอคืนดีตลอด

 

ประเด็นที่ 2 เหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ในวันที่ 13 พ.ค.67 ตนและเพื่อนได้ชวนกันไปเที่ยวงานหมอลำ แต่นายทิวาก็ได้เดินทางมาหาตนถึงที่ร้าน ตนจึงพานายทิวาไปด้วยและก็ชวนกันไปสถานบันเทิง ซึ่งเหตุการณ์ในร้านก็เป็นปกติดี ไม่ได้มีการทะเลาะอะไรกัน จนถึงเวลาที่จะเดินทางกลับตนก็ได้เดินจูงมือนายทิวากลับตามปกติ โดยนายเปาเป็นคนขับและนายทิวาเป็นคนนั่งข้าง ๆ ส่วนเพื่อนอีกสามคนนั่งด้านหลัง ระหว่างทางกลับก็มีการพูดคุยกันตามปกติ ตนก็ถามนายทิวาว่าเมาหรือเปล่า แต่นายทิวาก็ยืนยันว่าไม่เมา จนมาถึงจุดเกิดเหตุตนก็เห็นรถกระบะคันข้างหน้าจอดอย่างกะทันหัน ตนก็เบี่ยงออกและจะแซงไป จังหวะนั้นนายทิวาก็ได้หล่นออกจากรถไป ซึ่งนายเปานั้นไม่ทราบว่าหล่นไปได้ยังไงเนื่องจากตัวเองกำลังขับรถอยู่จึงไม่ทันได้สังเกต แต่หลังจากรู้ว่านายทิวาพลัดตกไป ตนก็รีบไปดูอาการและโทรแจ้งรถพยาบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ โดยนายเปาก็ได้อนุญาตให้ทีมข่าวขึ้นไปนั่งบนรถกระบะคันที่เกิดเหตุพร้อมกับขับขี่ออกไปเพื่อให้เห็นลักษณะของระบบรถคันดังกล่าว ซึ่งนายเปานั้นเป็นคนขับและมีนายทิวานั่งอยู่ข้างคนขับ นายเปาก็ได้จำลองเอื้อมมือมายังที่เปิดประตูรถเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าแขนตัวเองนั้นเอื้อมไปไม่ถึงจึงไม่ใช่คนเปิดประตูแน่นอน อีกทั้งยังขับรถวนเพื่อแสดงให้เห็นว่ารถกระบะของตัวเองนั้นเป็นระบบล็อกอัตโนมัติ แต่สามารถเปิดประตูออกจากภายในได้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวโดยที่ไม่ต้องทำการปลดล็อก นอกจากนี้นายเปายังยืนยันอีกว่าตนเองไม่ได้ขับรถเร็วในจุดที่เกิดเหตุเพราะจุดนั้นใกล้จะถึงร้านแล้ว มั่นใจว่าขับความเร็วแค่ 20-30 เท่านั้น

 

ประเด็นที่ 3 เรื่องการเร่งเผาศพและไม่ส่งผ่าชันสูตรตั้งแต่แรก นายเปายืนยันว่าตนไม่ใช่คนที่เร่งให้มีการฉีดฟอร์มาลีน อีกทั้งตนยังเป็นคนบอกให้แม่ของนายทิวาส่งศพไปผ่าชันสูตร แต่แม่ของนายทิวาก็ปฏิเสธเสียงแข็งเพราะไม่อยากจะให้เรื่องยุ่งยาก แม้กระทั่งการเร่งเผาศพก็เป็นความต้องการของครอบครัวนายทิวา เนื่องจากครอบครัวนายทิวาค่อนข้างลำบากจึงไม่มีเงินในการจัดงานศพ ตนก็เป็นคนช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าดอกไม้ ค่าจัดเตรียมงาน ฯลฯ

 

ประเด็นที่ 4 เรื่องคลิปเสียงที่พูดว่า “รู้แค่นี้แล้วไม่ต้องไปบอกใคร” สาเหตุที่ตนไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่านายทิวากระโดดรถเป็นเพราะอยากให้แม่ของนายทิวาได้เงินประกัน เนื่องจากตนได้บอกกับประกันไปว่าเป็นอุบัติเหตุ “ทุกคนเต้นกันในรถและพลาดไปโดนประตูจนพลัดตก” เพราะตนนั้นเห็นว่าครอบครัวของนายทิวานั้นลำบากจึงอยากให้ได้เงินประกันไปช่วยเหลือจุนเจือ แต่คิดว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว แม่ของนายทิวาก็คงจะไม่ได้เงินประกันแล้ว

 

ประเด็นที่ 5 เรื่องท่าทีดูไม่เสียใจและโทรไปขู่แม่ของนายทิวา โดยนายเปานั้นบอกว่าตัวเองเป็นคนเสียงโทนเดียว ต่อให้เสียใจหรือดีใจก็จะพูดน้ำเสียงโทนเดียว และขอปฏิเสธว่าไม่ได้โทรไปขู่แม่ของนายทิวา ตนแค่โทรไปสอบถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้มีข่าวออกมาตามเพจต่าง ๆ ส่วนที่จะฟ้อง ตนแค่บอกแม่ของนายทิวาว่าตนจะดำเนินการฟ้องเพจที่ปล่อยข่าวปลอม ตนนั้นยังรักและเคารพครอบครัวของนายทิวาเหมือนเดิม

 

ประเด็นที่ 6 เรื่องเคยพูดว่า “จะฆ่าทิ้งแบบไร้ร่องรอย” นายเปายืนยันว่าไม่เคยพูดประโยคดังกล่าว เพราะนายเปาต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องกลัวนายทิวา ที่ผ่านมานายเปาไม่เคยมีปากเสียงหรือตอบโต้นายทิวาเลย มีเพียงแต่นายทิวาที่ใช้อารมณ์รุนแรงแต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ส่วนเรื่องหมอปลอม นายเปาก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นหมอ แต่ตนนั้นเป็นหุ้นส่วนของคลินิกแห่งหนึ่ง ทำให้พนักงานเรียกว่าหมอเปา

 

ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องขึ้นนายเปาก็ยอมรับว่ารู้สึกเครียดและเสียใจที่ต้องสูญเสียแฟน แต่ตนแค่ไม่ได้ออกมาแสดงให้ใครเห็นว่าเสียใจ และก็คิดว่าเพื่อนอีกฝ่ายของนายทิวานั้นน่าจะอคติกับตนเกินไป ตนยืนยันว่าไม่มีความโกรธแค้นอะไรถึงต้องทำร้ายนายทิวา หลังจากนี้ก็ขอรอหลักฐานต่าง ๆ มายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

 

ต่อมาเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านสถานบันเทิงที่นายทิวาได้ไปสังสรรค์กับกลุ่มของนายเปาในวันที่ 14 พ.ค.67 เวลา 00.02 น. จะเห็นว่าทั้งหมดก็ได้นั่งร่วมโต๊ะและมีการเล่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มีการทะเลาะหรือมีปากเสียงอะไรกัน

 

ทางด้านของนางสาวแจง (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในรถกระบะคันที่เกิดเหตุ เล่าว่า ในตอนแรกตนได้คุยกับนายเปาและเพื่อนว่าจะไปเที่ยวที่สถานบันเทิง แต่จู่ ๆ นายทิวาก็ได้มาหานายเปาที่ร้านจึงตกลงกันว่าจะให้นายทิวาไปด้วย ซึ่งก่อนที่จะออกไปสถานบันเทิง นายทิวาก็ดูปกติดีไม่ได้มีท่าทีโกรธหรือไม่พอใจอะไร จนช่วงค่ำทั้งหมดก็ได้พากันนั่งรถกระบะคันดังกล่าวไปยังสถานบันเทิงและมีการดื่มเหล้ากันไปพอสมควร ซึ่งนายทิวาก็ได้ดื่มเหล้าไปเกือบ 2 แบน โดยที่แต่ละคนก็ได้ชงเหล้าดื่มกันเอง ไม่มีใครชงให้ใครแน่นอน กระทั่งตอนออกจากสถานบันเทิง นายทิวาก็มีอาการเมาและเดินเซจนนายเปาต้องเข้าไปช่วยพยุง เมื่อไปถึงรถทางด้านนายเปาก็เป็นคนขับ นายทิวาเป็นคนนั่งข้างคนขับ ส่วนเพื่อนอีก 3 คนก็ได้นั่งอยู่เบาะหลัง ตอนนั่งกลับร้านก็เหมือนปกติ ทั้งหมดก็พากันคุยเล่นกันไปเรื่อย จนช่วงที่มาถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นว่ามีรถกระบะจอดอยู่ นายเปาจึงได้ขับเบี่ยงขวาออกมาเพื่อจะแซง จังหวะนั้นตนก็เห็นว่านายทิวาได้ร่วงหล่นจากรถไปแล้ว แต่ตนไม่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นว่านายทิวาเป็นคนเปิดเองหรือมือพลาดไปโดนประตู จากนั้นทั้งหมดก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรีบวิ่งลงไปดูอาการนายทิวา ตอนนั้นตนคิดว่านายทิวาคงไม่บาดเจ็บอะไรสาหัสเนื่องจากรถก็ไม่ได้ขับเร็ว ตนคิดว่านายทิวาน่าจะเมาแล้วนอนนิ่งเฉย ๆ กระทั่งพลิกตัวกลับมาเห็นเลือดที่ออกจากปากของนายทิวาจึงทำการเรียกรถพยาบาลทันที

 

ส่วนบางเรื่องที่เพื่อนของนายทิวาออกมาพูดนั้นก็ไม่เป็นความจริงเพราะเพื่อนของนายทิวาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเป็นเพียงการเล่าแบบปากต่อปาก ซึ่งทำให้ฝั่งของเราได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะ ในฐานะที่ตนใกล้ชิดกับนายเปาก็ขอยืนยันว่านายเปาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลานายเปาเดินไปเจอรูปภาพ เสื้อผ้า หรือสิ่งของของนายทิวาก็จะร้องไห้ออกมาทันที ตอนนี้ตนก็อยากได้รับความยุติธรรมเพราะที่ผ่านมาตนก็โดนมาเยอะ อยากให้ความจริงมันกระจ่างออกมาสักทีเพื่อที่จะได้มอบความบริสุทธิ์กลับคืนมาให้ตัวเอง

 

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาววดาพร อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายทิวา เผยว่า ตนกับนายทิวานั้นรู้จักกันมา 6-7 ปี ที่ผ่านมาตนอาศัยอยู่กับนายทิวามาตลอดและรู้จักนิสัยเพื่อนของตัวเองดี นายทิวานั้นเป็นคนรักตัวเอง รักครอบครัว และไม่เคยมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายแน่นอน ซึ่งถ้ามองว่าเมาสุราแล้วเปิดประตูรถลงมาเองหรือเปล่า ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนเพราะตนรู้ลิมิตของเพื่อนตัวเอง นายทิวาเคยดื่มเหล้า 4 กลมก็ยังไม่เมาเลยสักนิด

 

ส่วนคนที่ชื่อว่านายเปาก็เพิ่งจะมารู้จักกับนายทิวาเพียงไม่กี่เดือน แต่หลังจากที่นายเปาเข้ามาก็ทำให้นายทิวาเปลี่ยนไป นายทิวากลายเป็นคนที่ไม่คบเพื่อน ถ้าพูดง่าย ๆ เลยก็คือนายทิวาถูกกีดกันไม่ให้คบเพื่อนเพราะนายเปานั้นไม่ชอบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่นายทิวาก็เคยแอบมาปรึกษาตนอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากเลิกกับนายเปา กระทั่งวันที่ 11 พ.ค.67 นายทิวาได้โทรศัพท์มาหาตนพร้อมกับระบายความในใจว่าอยากเลิกกับนายเปา เพราะรู้สึกว่านายเปาเหมือนคนโรคจิต ชอบพูดจาข่มขู่ลามปามไปถึงแม่ โดยนายเปาขู่ว่าถ้าจะเลิกก็ต้องคือเงินจำนวน 30,000 บาทมาก่อน แต่นายทิวาก็ไม่ได้มีเงินก้อนไปคืนนายเปา อีกทั้งที่นายทิวายังพูดบ่นออกมาว่า “เปาเขาเป็นหมอ เขาจะฆ่ามาร์คด้วยวิธีไหนก็ได้นะ” ทำให้นางสาววดาพรซึ่งเป็นเพื่อนสนิทรู้สึกเป็นห่วงและก็ได้บอกให้นายทิวาเลิกกับนายเปาแล้วกลับมาอยู่กับเพื่อนแทน ตอนนี้นางสาววดาพรยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าตามหาความจริงจนกว่าทุกอย่างจะกระจ่าง เพราะตนเชื่อเต็มร้อยว่านายทิวาไม่มีทางกระโดดลงมาจากรถเอง ถ้าถามคนรู้จักนายทิวา 300 คน เชื่อว่าทุกคนก็คงคิดเหมือนกันกับตน

 

นอกจากนั้นนางสาววดาพรยังส่งข้อความแชตที่เคยพูดคุยกับนายทิวาในวันที่ 11 พ.ค.67 ลักษณะเป็นการที่เพื่อนปลอบใจเพื่อน น.ส.วดาพร ก็ได้บอกให้นายทิวากลับมาหาเพื่อน ไม่ต้องทนทรมาน ส่วนนายทิวาก็ตอบกลับมาว่า “ไม่รู้ทนไปทำไม ชีวิตแค่นี้ จะตายวันไหนก็ไม่รู้”

ไขปริศนา "น้องมาร์ค" ตกรถดับ หนุ่มโต้จัดฉากฆ่าแฟน ไม่รู้ตกรถได้อย่างไร?