เมื่อเวลา 17.30น จากเหตุการณ์ที่นายพิชิต (ต้น) อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เสียชีวิตปริศนา หลังจากที่ภรรยา โทรมา ให้ขึ้นไปหาที่ บ้านโพธิ์งาม ต.ดงเมือง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ในวันที่ 15 เม.ย. พอตอน 6 โมงเช้า วันที่ 16 เมษายน 67 ก็ได้รับแจ้งว่านายพิชิตเสียชีวิต ทางภรรยาจัดพิธีเผาศพ ในวันที่ 19 เมษายน 67 พบพิรุธหลายอย่างหลังจากที่เห็นสภาพศพที่หน้าเขียวคล้ำ มือหงิกงอ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ทางแพทย์ลงความเห็นว่าตายจากการเจ็บป่วยไม่ชัดเจน ทางน้องสาวนายพิชิตกลัวจะโดนวางยาฆาตกรรม เพราะมีกรมธรรม์ประกันภัยไว้ 16 ล้านบาท จึงได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนหลังจากที่ได้มาแจ้งความกับทาง สภ.ยางสีสุราชแล้วคดีไม่คืบ

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 11:00 น. ที่ผ่านมา นางณัฐปภัษร์ น้องสาวของผู้เสียชีวิต มาพร้อมกับรูปถ่ายของพี่ชายและโกศเก็บเถ้ากระดูกของพี่ชาย ได้เดินทางมายังสน.วังทองหลาง เพื่อเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน และพ.ต.อ.เจษฎา ยางนอกผกก.สน.วังทองหลาง เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และติดตามคดีต่างๆให้กับ นายพิชิต ผู้เป็นพี่ชาย หลังจากที่การเสียชีวิตยังคงมีพิรุธและมีปริศนาหลายอย่าง

 

โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางณัฐปภัษร์ น้องสาวผู้ตาย เบื้องต้นในวันนี้ตนเอง ได้นำเถ้ากระดูกของพี่ชาย มาให้ตำรวจช่วยตรวจสอบหาสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในเถ้ากระดูก เพราะเชื่อว่าตอนนี้ก็มีวิธีการใหม่ของทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้ และหากตรวจสอบไม่ได้ทางครอบครัวก็จะได้หาข้อเท็จจริงอื่นๆต่อไป

 

สำหรับเรื่องคลิปที่มีการถูกปล่อยออกไปเป็นคลิปของเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นคลิปที่ญาติๆพานายพิชิต ไปรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต หลังจากถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อว่าพี่ชาย ไปโดนของมาหรือไม่ก็ไม่ทราบได้

 

ส่วนเรื่องของวันนี้ทางญาติๆของฝั่งภรรยาพี่ชาย ได้เดินทางมาที่บ้านของแม่ตน โดยไม่ได้บอกใครว่าจะมา หรือบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะมาเอาอะไรบ้าง ซึ่งตนมองว่าหากแม่ตนอยู่คนเดียวไม่มีตนอยู่ คนเหล่านี้อาจจะทำอะไรแม่ตนก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามในการเข้ามาของญาติๆฝั่งภรรยาพี่ชาย ก็มีการมาเอาแมวและกรงขังแมว ที่ฝากไว้ที่บ้านแม่ของตนมาเอากลับและออกไปทันที โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย

 

และเรื่องของโทรศัพท์ของพี่ชายที่หายไป ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหนหรือไปอยู่กับใคร จึงอยากให้ตำรวจให้ความช่วยเหลือในการเช็คดาต้าเบสของเครือข่ายโทรศัพท์ ว่ามีการโทรเข้าโทรออกอย่างไร มีใครโทรเข้ามาหาบ้าง และในเวลาที่พี่ชายออกไปและถูกลอบยิง เป็นใครที่โทรมาหาพี่ชายตนบ้าง เพื่อจะได้ทราบเบาะแสต่างๆในเรื่องต่างๆของพี่ชาย

 

สุดท้ายตอนนี้ตนก็ไม่อะไรจะพูดคุยกับทางภรรยาของพี่ชายอีกแล้ว ขอให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามและหาข้อเท็จจริงของเรื่องราวการเสียชีวิตของพี่ชายตนต่อไป ส่วนเรื่องของทรัพย์สมบัติของพี่ชายทั้งหมด ที่มีมูลค่ารวมแล้วกว่า 30-40 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งที่ดินในกทม.จำนวน 4 แห่ง ไม่ทราบจำนวนไร่

 

และที่จ.มหาสารคาม ประมาณ 6 แห่ง ไม่ทราบจำนวนไร่เช่นกัน และถ้ามีผลออกมายืนยันแล้วว่าพี่ชายตนเสียชีวิตแบบปกติ ทางตนและครอบครัวก็จะไม่ติดใจอะไรอีกต่อไป และหากทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพี่ชายตกไปอยู่ในมือของภรรยาของพี่ชาย ตนก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

 

ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยทางวิดีโอคอลเปิดใจครั้งแรกกับนางสาวมด ภรรยาของนายต้น เธอยืนยันกับทีมข่าวว่า เธอไม่เกี่ยวข้องกับการตายของสามีแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สามีเสียชีวิต หรือเหตุการณ์ตอนที่สามีโดนรอบยิง เธอก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดทุกอย่างที่สังคมสงสัย ตัวเองจะชี้แจงทุกประเด็นอีกทีในวันอังคารที่จะถึงนี้ ที่ สภ. ยางสีสุราชจังหวัดมหาสารคาม

 

ยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองก็มีเครียดอยู่บ้าง เพราะจากการติดตามข่าว ก็เหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ร้าย ซึ่งตัวเองก็รู้สึกแบบนั้น แต่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกของตัวเองมากเท่าไหร่ แต่ตัวเองเป็นห่วงลูก 3 คนมากกว่า เพราะลูกต้องไปโรงเรียน เขาจะต้องเจอคำถามที่เกี่ยวกับพ่อและแม่ ซึ่งตัวเองจะเครียดแค่ไหนก็ต้องพยายามเข้มแข็งให้ลูกเห็นให้ได้ แล้วตัวเองรู้ตัวดีว่าความจริงคืออะไร

 

และตัวเองก็ยืนยันว่ามีหลักฐานทุดอย่าง ในการยืนยันความบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องที่ว่ามีการวางยาสามี ตัวเองก็มองว่ามันเกินไป

 

และตัวเองยืนยันว่าไม่ได้มีการเร่งรัดเรื่องพิธีศพแต่อย่างใด ปกติทางบ้านนอกก็ทำพิธีศพ 3 วัน วันที่ 4 ก็เผาศพเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งญาติของฝั่งสามีเขาเดินทางมางานศพวันที่สอง เขาอาจจะคิดว่าทางฝั่งตัวเองเผาศพเร็วหรือไม่

 

ส่วนเรื่องทรัพย์สิน ก็ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองกับสามีสร้างมาด้วยกัน ตัวเองไม่ใช่เด็กเสี่ย ส่วนสามีตัวเองก็ไม่ได้รวยอยู่แล้วจนตัวเองต้องมาเกาะสามีกิน เราอยู่ด้วยกัน เราสร้างด้วยกันมา ถ้าสมมติว่าวันนี้พี่ไม่อยู่ คนที่ได้สมบัติก็ต้องเป็นสามีพี่ ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

 

สุดท้ายนี้ตัวเองก็อยากยืนยันอีกครั้งว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามี ทั้งกรณีที่เขาไปโดนลอบยิงก่อนหน้านี้ และกรณีที่สามีเสียชีวิตล่าสุด ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าสามีเสียชีวิตเพราะอะไร สุดท้ายก็เป็นดุลยพินิจของแพทย์ที่จะมาลงความคิดเห็น

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด ที่เห็นเหตุการณ์เหตุการณ์ดักยิงนายพิชิตผู้ตาย เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจากภาพนิ่งดังกล่าว จะเห็นคนก่อเหตุ 2 คนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ขี่นำหน้ารถของนายพิชิต ผู้ตาย ในเลนซ้าย และรถโตโยต้าอัลพาร์ด ของนายพิชิตผู้ตายจะอยู่เลนขวา ซึ่งช่วงที่ผู้ก่อเหตุขี่รถนำหน้าไปนั้น ก็ได้มีการชักปืนยิงจำนวน 5 นัด ก่อนเร่งเครื่องและขี่หลบหนีไปทันที

 

ต่อมาทางพ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง ได้เผยกับสื่อมวลชนว่าวันนี้ที่ทางน้องสาวผู้ตาย มาติดตามคดี ตนขอยืนยันว่าตอนนี้ ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนแล้วว่าคือใคร ส่วนเรื่องของรูปคดีตอนนี้ จากคำให้การของนายพิชิต ผู้ตาย เคยบอกเอาไว้ว่าตัวเองนั้นมีความขัดแย้งทั้งเรื่องของครอบครัว เรื่องของธุรกิจ และเรื่องของปัญหาส่วนตัว จึงไม่ทราบว่าการดักยิงในครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไร และต้องให้น้ำหนักไปทางไหนมากกว่ากัน

 

ส่วนภาพของกล้องวงจรปิดที่ทางตำรวจได้มา สามารถจับภาพของผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์กันมา 2 คน นั่งซ้อนท้ายกันมา โดยขับมาดูลาดเลาของนายพิชิตก่อน ก่อนที่จะมาประกบและไล่ยิงมีเสียงปืนดัง 5 นัด ที่รถมีรอบกระสุน 4 รู ซึ่ง พยานหลักฐานในรถนั้นมีหัวกระสุน 2 หัว ตกอยู่ในรถ ส่วนเป็นกระสุนชนิดใดหรือเป็นปืนชนิดใดที่ใช้ในการก่อเหตุ กำลังอยู่ในขั้นตอนของพิสูจน์หลักฐานอยู่

 

ส่วนเรื่องของการตรวจสอบเถ้ากระดูก เพื่อหาสารพิษต่างๆ หรือการตรวจสอบเช็คข้อมูลต่างๆของทางโทรศัพท์ของผู้ตาย ทางสน.วังทองหลาง มีอำนาจในการตรวจสอบใดๆ เนื่องจากไม่ใช่ท้องที่ที่เกิดเหตุดังกล่าว

 

ด้านนายธนะสิทธิ์ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นประธานหน่วยกู้ภัยยางนครที่เข้าไปเก็บศพของนายพิชิต เผยว่า ในวันที่ 16 เมษายน 2567 ได้รับแจ้งเหตุจาก สภ.ยางสีสุราช ว่าพบศพผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพเป็นเพศชาย สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้น นอนหงายอยู่บริเวณศาลาไม้หน้าบ้าน โดยสภาพศพนั้นมีร่องรอยฟกช้ำเป็นสีเขียวตามลำตัว ลักษณะเป็นจ้ำวงกลมขนาดไม่ใหญ่มากนัก (ขนาดเท่าฝ่ามือ) ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืนเนื่องจากสภาพศพค่อนข้างแข็งแล้ว จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิต (แม่ยาย) ได้เล่าให้ฟังว่า นายพิชิตนั้นได้เดินทางมาถึงบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. หลังจากนั้นนายพิชิตก็ได้นั่งดื่มสุราตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเวลาดึก แต่ทว่าตอนที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็ไม่พบกับขวดสุราหรือแก้วน้ำแต่อย่างใด มีเพียงแค่ร่างของผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนศาลาไม้เพียงลำพัง

 

ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิต ยังไม่มีรายงานจากทางแพทย์ที่แน่ชัด เนื่องจากทางด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตเองก็ไม่ประสงค์ที่จะนำร่างส่งผ่าชันสูตรอย่างละเอียด แต่สาเหตุจากฮีทสโตรกก็น่าจะมีส่วนเพราะสภาพอากาศในช่วงนั้นค่อนข้างร้อนจัด โดยทีมข่าวก็ได้สอบถามว่าสภาพศพมีร่องรอยจากการถูกทำร้ายบ้างหรือไม่ นายธนะสิทธิ์ก็ยืนยันว่าไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้าย แต่ในช่องปากก็มีคราบน้ำลายลักษณะเป็นฝอยติดอยู่บริเวณฟันซี่หน้า นอกเหนือจากนั้นก็ไม่พบกับสิ่งผิดสังเกตอะไรไม่มี

 

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) บอกว่าในกรณีของผู้ที่เกิดโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกจนเสียชีวิตนั้นจะต้องเกิดจากการได้รับแสงแดดระดับร้อนรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาประมาณเที่ยงถึงช่วงบ่ายของวัน และผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดนั้นจะไม่ได้มีผิวสีดำคล้ำในทันที แต่หากศพอยู่กลางแดดต่อเนื่องเป็นเวลานานก็จะทำให้เข้าสู่กระบวนการเน่าได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ สีผิวก็อาจจะเปลี่ยนแปลงดำคล้ำขึ้นได้แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งจากกรณีการเสียชีวิตของนายพิชิตก็คงต้องตรวจสอบระยะเวลาการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง จึงจะสามารถบอกได้ว่าเป็นการเสียชีวิตจากฮีทสโตรกจริงหรือไม่อย่างไร

 

ส่วนประเด็นเรื่องการตรวจหาสารพิษจากเถ้ากระดูกนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะหากผ่านกระบวนการเผาแล้วก็จะสามารถทำลายสารพิษบางชนิดไปได้ การตรวจหาจึงทำได้ยากขึ้น อีกทั้งเท่ากระดูกก็อาจจะมีการปนเปื้อนสิ่งต่าง ๆ ในเตาเผา เช่น โลหะหนักที่จะส่งผลต่อการตรวจหาวัดปริมาณสารพิษ การตรวจหาสารพิษจากเถ้ากระดูกจึงไม่สามารถบ่งบอกปริมาณหรือสาเหตุจากการเสียชีวิตได้อย่างแน่ชัด และก็ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ได้

เปิดพิรุธใหม่นักธุรกิจหนุ่มศพสีดำ มรดก 40 ล้าน เมียเปิดปากกับช่อง 8 ที่แรก