จากกรณีเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าไปพูดคุยกับนายทรงเกียรติ (ผู้เสียหาย) ที่ได้เปิดใจว่าถูกภรรยาที่จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย ชื่อ นางสาวกิ๊ฟ (นามสมมติ) แอบเล่นชู้กับผู้ชายที่ชื่อว่า นายทอย (นามสมมติ) จนกระทั่งนายทรงเกียรติมีการบุกไปตามหาภรรยาของตัวเองที่บ้านชายชู้ แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่า ชู้อะไร ทำไมทำแบบนี้มันถูกไหม มาพังประตู ถือว่าบุกรุก ส่วนฝ่ายหญิงยืนยันที่จะเลือกชายชู้ โดยให้เหตุผลว่า นายทรงเกียรตินั้นดูแลไม่ได้ ก็ให้คนอื่นมาดูแลแทน ซึ่งสาเหตุที่นายทรงเกียรติสามารถจับได้ว่าภรรยาแอบไปมีชายชู้ เป็นเพราะอดีตคู่หมั้นของนายทอย ชายชู้ ได้ส่งหลักฐานมาให้ทั้งหมด






โดยบัญชีเฟซบุ๊กของนางสาวเจน (นามสมมติ) ซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นของนายทอย ได้มีการโพสต์รูปภาพคู่ของตัวเองและนายทอยที่อยู่ในอัลบั้มถังขยะมากกว่า 50 รูป พร้อมระบุข้อความว่า "หมั้นกับกูก็ยังไม่มาถอน เลิกกับกูไม่ถึงเดือนก็พบรักแท้ใหม่ซะแล้ว เลิกกับกูไปก็เอากูไปพูดสารพัดประโยชน์ว่ากูมีผู้ชายคนอื่น คุยกับคนนั้นคนนี้ ไปนอนกับผู้ชายแบบนั้นแบบนี้ พี่บ่าวก็พูดไห้คนอื่นสงสารพี่บ่าว หมั้นกูแค่ 15,000 มาพูดใจใหญ่ดูถูกกูสารพัด ไอ้เวรนอนเอากูมาเป็นปี ๆ กูมีค่าแค่ 15,000 เหรอ เลิกกันไปไม่พอหนี้ที่สร้างด้วยกันมาทิ้งไว้ให้กูรับผิดชอบคนเดียวเป็นหมื่นไม่ช่วยกูแม้แต่บาทเดียว กูให้ช่วยจ่ายก็ว่า หมดไปเท่าไรแล้วกับไอ้เวรนี้ มันน่าโดนบาทานะ ทุบตีกูไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ กูก็ทนมาตลอดเพราะกูคิดว่าจะปรับปรุงตัวเอง ทีกูมึงอย่าพูด กูจะเหยียบมึงให้จมคาตีนเลย #ไปสู่ต่อในชั้นศาลนะงับ เดี๋ยวจะกรวดน้ำส่งไปให้บ่อย ๆ 555 กูไม่เสียดายแต่กูสมเพศมาก"




ต่อมาทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยัง ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านพักของนางสาวเจน (แฟนเก่าของนายทอย) เมื่อไปถึงปรากฏว่าบ้านพักได้ปิดประตูเงียบ ทีมข่าวก็พยายามเรียกนางสาวเจนอยู่ครู่ใหญ่ ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นมีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากทางข้างบ้าน และบอกว่าเป็นแม่ของนางสาวเจน ได้เผยว่า ตอนนี้นางสาวเจนกำลังนอนหลับอยู่เนื่องจากเพิ่งทานยาไป ทีมข่าวก็ได้ถามไถ่ว่านางสาวเจนป่วยหรือเป็นอะไร




ทางด้านนางสงวน (นามสมมติ) ก็บอกว่าลูกสาวของตนนั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเพิ่งจะกลับจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้เอง แต่นางสงวนก็ไม่ทราบว่าทำไมลูกสาวถึงป่วยเพราะเวลาตนถามอะไร นางสาวเจนก็ไม่ค่อยตอบและไม่ยอมเปิดใจพูดอะไรกับตนเลย เนื่องจากตนและสามีได้แยกทางกันทำให้ลูกสาวย้ายไปอยู่ที่อื่นกับฝ่ายผู้เป็นพ่อ และลูกสาวเพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่กับตนที่บ้านเพียงแค่ 1 เดือน ส่วนที่ลูกสาวตนเคยหมั้นหมายกับแฟนหนุ่ม (นายทอย) ตนก็เคยรับรู้อยู่บ้าง แต่ทราบว่าตอนนี้เด็กทั้งสองได้เลิกรากันไปแล้ว ตนเองก็ไม่ได้ติดใจหรือเสียใจอะไร และลูกสาวก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้คนฟัง เพราะยังคงอยู่ในอาการซึมเศร้าเอาแต่นอนทั้งวัน




ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังห้องเช่าหมายเลข 2 ในพื้นที่ ต.นาป่า อ.เมือง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นห้องเช่าของนายทอย (นามสมมติ) ชายคนสนิทของน้องกิ๊ฟ โดยลักษณะห้องเช่าดังกล่าว เป็นห้องเช่า 2 ชั้นที่แบ่งห้องให้เช่าทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งห้องของนายทอย จะอยู่บริเวณชั้นล่างติดกับห้องหมายเลข 1 และห้องหมายเลข 3 ส่วนบริเวณหน้าห้อง ขณะที่ทีมข่าวไปถึงพบว่าห้องไม่ได้ล็อกกุญแจ และมีคนอาศัยอยู่ด้านในแต่ไม่มีใครเปิดประตูออกมาพูดคุยกับทีมข่าว




จากนั้นทีมข่าวจึงสังเกตเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าห้อง ซึ่งพอไปแตะท่อไอเสีย ปรากฏว่ายังอุ่น ๆ คล้ายกับรถที่เพิ่งจะขี่เข้ามาจอดเอาไว้ ส่วนที่ประตูหน้าห้องก็ยังพบรองเท้าแตะไซส์ผู้หญิงสีดำถอดไว้ที่หน้าห้อง นอกจากนี้ก็ยังพบว่ามีเสื้อผ้าผู้หญิงกับผู้ชายตากอยู่ที่หน้าห้อง โดยจากการสังเกตเป็นเสื้อผ้าที่ซักตากเอาไว้ในลักษณะคนสองคนอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะมีทั้งชุดชั้นในกางเกงในผู้ชายและผู้หญิงตากรวมอยู่ที่ราวตากผ้าอันเดียวกัน และนอกจากจะเจอรองเท้าเตะผู้หญิงหน้าห้อง ยังพบรองเท้าแตะลักษณะเดียวกันอีกคู่ ซึ่งเป็นไซส์ผู้ชายถอดไว้ข้าง ๆ ห้อง




ขณะเดียวกันด้วยความสงสัย ทีมข่าวจึงวิดีโอคอลไปหานายทรงเกียรติ โดยเปิดกล้องให้ดูและถามว่ารองเท้าแตะที่ถอดไว้หน้าห้องเป็นของใคร ปรากฏว่าทันทีที่นายทรงเกียรติ เห็นก็บอกว่าใช่ครับ เป็นรองเท้าคู่ที่ซื้อมาใส่กับน้องกิ๊ฟ ได้ประมาณปีกว่า ๆ แล้ว


จากนั้นทีมข่าวก็ได้บอกให้นายทรงเกียรติ หยิบรองเท้าที่ใส่อยู่มาวางเทียบให้ดูหน่อยว่าจะเหมือนกับรองเท้าหน้าห้องหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่ารองเท้าที่หน้าห้องเป็นรองเท้าลักษณะเดียวกันกับรองเท้าที่นายทรงเกียรติ ใส่อยู่ตอนนี้ ส่วนชุดชั้นในของน้องกิ๊ฟ ที่ตนเองซื้อให้น้องกิ๊ฟและเป็นคนซักให้เป็นประจำ จะเป็นชุดชั้นในลายดอกสีขาว ซึ่งทีมข่าวก็เอากล้องไปส่องให้ดูว่าใช่ตัวที่ตากอยู่หรือไม่ ปรากฏว่านายทรงเกียรติก็บอกว่าใช่ โดยนักข่าวก็ถามต่อว่าเห็นภาพแบบนี้แล้วจุกอกหรือไม่ ซึ่งนายทรงเกียรติก็บอกว่าไม่จุกอก เพราะต่อให้มาขอโทษก็ไม่ยอมกลับไปคืนดี




จากนั้นด้วยความที่ยังสงสัยอีกว่า แล้วรองเท้าอีกคู่ที่ถอดไว้ข้างห้อง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันเป็นของใคร ทีมข่าวจึงวิดีโอคอลไปถามกับนายทรงเกียรติอีกครั้ง โดยเริ่มถามว่า รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่เป็นของใคร โดยนายทรงเกียรติ บอกว่าไม่ใช่ของน้องกิ๊ฟ ส่วนรองเท้าที่หน้าห้องยืนยันว่าเป็นรองเท้าที่ตนเองซื้อใส่คู่กับน้องกิ๊ฟ ซึ่งตอนที่ซื้อมาซื้อมาแค่ 2 คู่ ส่วนรองเท้าคู่ที่ 3 ไม่รู้ว่าเป็นของใคร โดยตนเองเชื่อว่าทั้งคู่อยู่ในห้อง แต่ไม่มีใครกล้าออกมาคุยกับนักข่าว


จากนั้นเมื่อทีมข่าวเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง แต่ไม่มีใครออกมา จึงขับรถออกมาข้างนอก แต่ปรากฏว่าเมื่อขับออกมาได้ไม่ถึง 10 นาที พอย้อนกลับไปก็พบว่า รองเท้าหน้าห้องหายไปแล้วและราวตากผ้ารวมถึงรถจักรยานยนต์ของนายทอยก็หายไปพร้อม ๆ กัน


ผัวทหารเกณฑ์ช้ำเมียโลก 2 ใบ พัวพันรัก 4 เส้า บุกรังรักเจอรองเท้า-ชั้นในเมียทหาร