ยายวัย 70 หอบหลาน 4 คน อาศัยเพิงสังกะสีข้างทาง หลังค้างค่าเช่า และถูกไล่ออกจากห้อง ข้าวของในห้องถูกทิ้งไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าใส่ วอนสังคมช่วยเหลือ ขณะที่ยายเปิดใจลูกห้าคนไม่มีใครมาดูแลมีแต่นำหลานมาให้เลี้ยง

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความพร้อมรูปยายและหลานอีก 4 คน โดยระบุข้อความขอความช่วยเหลือ "เปิดเทอมเด็กไม่มีอุปกรณ์ไปเรียน ตอนนี้ไม่มีที่อยู่เลยมาอาศัยหน้าบ้านเรา อยากได้ข้าวสารอาหารแห้งให้แก ถ้าใครพอจะมีแบ่งปันหรือที่วัดไหนพอจะมีให้แกไปขอ...กราบขอบคุณคะ" หลังจากนั้นก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป

ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่พบกับคุณยายฉวี อายุ 70 ปี หรือยายฉวี ด.ช.ทวิวรัตน์ อายุ 13 ปี ด.ช.อัครเดช อายุ 14 ปี ด.ญ.สุทามาษ อายุ 13 ปี และ ด.ญ.ทิวาพร อายุ 8 ขวบ โดยทั้ง 4 คน เป็นหลานแท้ๆของยายฉวีทั้งหมด

ยายฉวี เล่าว่าเมื่อช่วงวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาตนเองถูกไล่ออกจากห้องเช่าย่านบางไผ่ซึ่งห้องเช่านี้แต่ก่อนเช่าอยู่กับหลานและคุณตาแต่พอคุณตาเสียชีวิตก็ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าสองเดือนทำให้เจ้าของขับไล่ออกจากห้องเช่าและยึดของภายในห้องเสื้อผ้าถูกนำไปทิ้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ถูกนำออกจากห้องไม่รู้ไปอยู่ที่ใด

โดยเจ้าของห้องบอกว่า ห้องที่ยายเช่าอยู่ ให้คนอื่นเช่าแล้วทำให้ยายและหลาน สี่คนไม่มีที่อยู่ต้องมาอาศัยเพิงสังกะสีของหมู่บ้านพฤกษาสาม จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมวางสิ่งของบริจาคของหมู่บ้าน

ในระหว่างที่อาศัยอยู่นั้นก็ยังโชคดีที่พบ นางสาวอ้อซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นพลเมืองดีที่เคยรู้จักกับคุณยายฉวีได้ชวนมาอยู่บ้านด้วยโดยให้อาศัยที่บริเวณโรงจอดรถ ที่ต่อเติมจากตัวบ้านเพื่อให้คุณยายและหลานได้มีที่อยู่อาศัยหลบฝนโดยคุณยายบอกว่าตนเองรู้จักกับเจ้าของบ้านเพราะรับจ้างแกะขนุนให้ช่วงที่เจ้าของบ้าน ทำผลไม้ส่งขายจนสนิทกันก็ได้รับความช่วยเหลือให้อาศัยอยู่ที่บ้าน

ยายฉวีบอกว่าตนเองออกจากบ้านมากับหลานในสภาพที่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ มีเสื้อผ้าใส่แค่คนละชุดติดตัวเท่านั้นเพราะถูกนำไปทิ้งทั้งหมดของใช้ชุดนักเรียนหลานก็ถูกนำไปทิ้งจึงไม่รู้จะทำอย่างไร

ตอนแรกตั้งใจว่าจะพาหลานทั้งสี่คนวิ่งให้รถชนแบบเสียชีวิตพร้อมกันทั้ง 5 คน

แต่มาคิดได้ว่าหลานยังต้องเรียนหนังสือเค้ายังต้องไปต่อจึงคิดหาทางให้หลานได้เรียนหนังสือเพราะตอนนี้ ก็เปิดเทอมแล้วอยากให้หลานทุกคนได้เรียนหนังสือ เจ้าของบ้านจึงโพสต์ Facebook เพื่อขอความช่วยเหลือ

ซึ่งยายฉวียืนยันว่าไม่ได้ต้องการขอเงินบริจาคแต่ต้องการขอความช่วยเหลือให้หลานได้เรียนหนังสือมีที่อยู่อาศัยและมีทุนการศึกษาไม่ใช่เป็นการมาขอเงิน

เมื่อถามถึงรายได้ของยายว่าได้มาจากที่ใดบ้างที่ต้องมาเลี้ยงหลานหลานถึงสี่คนต้องมีรายได้เพียงพอ ยายฉวีตอบว่าได้รับเงินเบี้ยคนชราและเงิน สนับสนุนของรัฐบาลก็เก็บสะสมมาให้หลานพอได้ไปโรงเรียน ส่วนอาหารก็ไปขอที่วัดกิน หลวงพ่อท่านก็เมตตาช่วยเหลือมาตลอด ทำแบบนี้มาประจำเพราะไม่รู้จะหันไปพึ่งใครยายก็ 70 แล้วทำงานอะไรก็ไม่ได้รับจ้างก็ไม่ได้ จึงต้องทนอยู่กันแบบนี้

จากนี้ก็หวังว่าหากยายมีตังก็จะย้ายที่อยู่ไปอยู่กับหลานส่วนเรื่องหลานทั้งสี่คนล่าสุดทางผู้ใหญ่บ้านและหน่วยงาน ต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือจนสามารถพาเด็กทั้งสี่คนได้เรียนหนังสือและมี ผู้ใหญ่ใจดีมอบชุดนักเรียนให้กับเด็กเด็กทั้งหมดแค่นี้ยายก็ดีใจแล้วที่ได้เห็นหลานไปโรงเรียน

เมื่อถามถึง ลูกของคุณยายว่ามีคนดูแลคุณยายหรือไม่ยายถึงกับนิ่งไปแล้วตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าไม่มี

เขาอยู่กันแบบหายเลย ยายก็ไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน เคยติดต่อได้คนหนึ่งโทรศัพท์ไปก็รับ แต่ระยะหลังไม่รับโทรศัพท์และลองเอาโทรศัพท์เบอร์อื่นโทรพอเขารู้ว่าเป็นแม่โทรมาเขาก็ตัดสายไม่คุยทันที

ส่วนเงิน ที่ส่งมาเลี้ยงดูเคยส่งให้เดือนละ 300 บาทถึง 500 บาทส่งได้สามเดือนจากนั้นก็หายไป

ส่วนลูกคนอื่นๆ เคยได้ยินข่าวเพราะคนโตอยู่ลำปางคนกลางไม่รู้อยู่ที่ไหนยายมีลูกทั้งหมดห้าคนแต่ทั้งห้าคนไม่มีใครกลับมาเลี้ยงยายหรือดูแลยายเหมือนที่ยายดูแลเขาในอดีต เหมือนคำที่เขาพูดกันว่า แม่เลี้ยงลูกหลายคนได้แต่ลูกเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย แต่ยายไม่โทษลูกและไม่เรียกร้องอะไรจากลูกเพราะเชื่อว่าเขาคงมีเหตุผลสิ่งเดียวที่ยายจะดูแลคือหลานทั้งสี่คนและเป็นห่วงว่าหากยายเป็นอะไรไปหลานทั้งสี่คนจะมีใครดูแล

สำหรับจุดที่ยายและหลานสี่คนนอนนั้นก็จะนอนพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องจากนั้นก็จะมีผ้าห่มหน้าหมอนคนละใบส่วนเสื้อผ้านั้นมีเพียงติดตัวคนละชุดซึ่งช่วงค่ำวันนี้ทางผู้ใหญ่บ้านจะนำมามอบให้และเวลาไปตลาดหรือเดินไปที่ไหนเพื่อนบ้านหรือแม่ค้าก็จะหยิบหยิบยื่นเสื้อผ้าสิ่งของมาให้ยายก็ซึ้งน้ำใจมากยายอยากบอกว่า ยายไม่ได้ต้องการเงินไม่ได้ต้องการเรียกร้องการบริจาคแต่ขอแค่มีที่อยู่อาศัยและหลานได้เรียนหนังสือมีเงินเรียนหนังสือจนจบก็พอใจแล้วเพราะไม่รู้หลังจากนี้หากยายเสียชีวิตหลานจะใช้ชีวิตอย่างไร

ขณะที่นางสาวอ้อเจ้าของบ้าน ที่ให้ยายหลานและอาศัยอยู่ ให้ข้อมูลว่า ยินดีที่ให้ยายและหลานอาศัยอยู่เพราะหากอยู่ตรงเพิงข้างนอกฝนตก ก็จะอยู่ลำบาก ซึ่งการอาศัยโรงรถนั้นไม่ใช่เป็นโรงรถเปิดโล่งแต่เป็นโรงรถแบบปิดที่ต่อเติมจากตัวบ้านนอกจากนี้ก็ยังทำอาหารให้กับยายและเด็กๆได้กิน ส่วนกรณีที่โลกโซเชียลบางคนตำหนิว่าเป็นการเรียกรับเงินบริจาคหรือสร้างเรื่องขึ้นมานั้นก็อยากให้เข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงและใครที่ต้องการอยากช่วยยายและหลานก็สามารถติดต่อมาทางผู้ใหญ่บ้านหรือหน่วยงานภาครัฐได้