สาวร่ำไห้! ยอมรับกดเงิน 20,000 บาท ของตำรวจไปจริง หลังโอนเงินผิดบัญชี เผยกดเงินไปใช้-ซื้อนมให้ลูกเล็ก เพราะนึกว่าน้องชายโอนมาให้

จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ร.ต.ท. มิตรชัย นาคแก้ว รองสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ช่วยราชการงานปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ไพศาล วีรกิจพาณิชย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ช่วยติดตามเงินจำนวน 20,000 บาท ที่ตนเองโอนผิดบัญชี ไปเข้าบัญชีของผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากนั้นตนได้มีการโทรไปหาผู้หญิงรายนี้เพื่อขอให้โอนเงินคืน ปรากฏว่าทางเจ้าตัวปฏิเสธอ้างว่าไม่มีเงินเข้ามา ถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอาเอง

ทั้งนี้ตนเองได้ทำบัญชี LINE ไว้กับทาง LINE BK วงเงินกว่าแสนบาท เมื่อวันที่ 2 เมษายน ต้องการใช้เงินจำนวนนี้ ทาง LINE BK จึงได้โอนเงินมาเข้าบัญชีกสิกรไทยของตน ซึ่งผูกไว้กับพร้อมเพย์เป็นเลขโทรศัพท์มือถือของตนเอง ตนจึงได้ทำการโอนเงินในบัญชีจาก LINE ของ BK มาเข้าหมายเลขบัญชีซึ่งผูกติดกับเบอร์โทรศัพท์ของตนเอง ด้วยความรีบ และได้กฎหมายเลขมือถือของตนเองผิดตัวหลังไป 1 ตัว

ต่อมาตนตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่โอนผิดไปนั้นไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยของ น.ส.ปวีณา อายุ 36 ปี จึงได้โทรศัพท์ติดต่อสอบถามไป ซึ่งนางสาวปวีณานั้นแบ่งรับแบ่งสู้พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ปฏิเสธว่าไม่มีเงินจำนวนดังกล่าวโอนเข้ามา ตนพยายามชี้แจงยืนยันและบอกไปว่าทางธนาคารให้ข้อมูลรายละเอียดกับตนมาหมดแล้วว่าเป็นบัญชีของเขา ทางปลายสายจึงพูดจาแบบดุดันใส่ตนว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าอยากได้เงินก็ไปแจ้งความฟ้องร้องเอาเลย หลังจากนั้นตนได้ติดต่อไปที่ธนาคาร แล้วพบว่านางสาวปวีณา ได้กดเงินในบัญชี วันที่ 27 เมษายน 5,000 บาท 4 พฤษภาคม 5,000 บาท 9 พฤษภาคม 500 บาท และ 12 พฤษภาคมอีก 1,000 บาทรวมเป็นเงินที่กดออกไปทั้งสิ้น 11,500 บาท ยังเหลือเงินในบัญชีอีก 8,500 บาท ที่ทางธนาคารอายัดไว้ทัน

จนกระทั่งก่อนมาแจ้งความตนพยายาม ติดต่อนางสาวปวีณา แต่ปรากฏว่าเขาบล็อกเบอร์มือถือของตนเองทันที ตนเองเชื่อแน่ว่าเขามีเจตนาต้องการโกงเงินที่ตนโอนผิดในครั้งนี้ ทั้งๆที่ตนบอกว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแต่เขาก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวหรือเกรงใจ ตนจึงต้องเข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับเขา แต่ถ้าหากเขาสำนึกและยินดีคืนเงินให้ตนก็จะไม่เอาเรื่อง ไม่อยากให้เขาฉวยโอกาสทำแบบนี้กับคนอื่น

ทางด้าน พันตำรวจโทไพศาล เจ้าของคดีที่รับแจ้งความ กล่าวว่า หลักฐานเอกสารต่างๆ ที่หมวดมิตรชัยนำมาแสดง สามารถเอาผิดกับนางสาวปวีณาได้ ทางตนจะออกหมายเรียกให้มาพบ หากหมายเรียกแจ้งไปแล้วไม่มาพบ 2 ครั้ง ก็จะดำเนินการออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดีทันที

ล่าสุดวันที่ 30 พ.ค. 67 เวลา 18.00 น. ร.ต.ท.มิตรชัย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากมีการเสนอข่าวออกไปแล้วนั้น น้องเขารับว่าเป็นคนกดเงินไปใช้จริง 4 ครั้ง โดยไม่ทราบว่าเป็นเงินของใคร ทีแรกคิดว่าเป็นเงินของน้องชายที่โอนเงินมาให้เพื่อไปซื้อนมให้กับลูกตนเองที่ยังเล็ก ตนทราบว่าน้องมีฐานะยากจน ลูกคนเล็กอายุแค่ 2 เดือน ตนรู้สึกเห็นใจ กฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เงินไม่ใช่ของเขา ตนทราบว่าน้องไม่ได้เป็นคนรับสาย ในวันที่ตนโทรไปหาเป็นคนที่ใช้เบอร์เปิดเครื่องใหม่แต่เป็นเบอร์เดิมของน้องที่ถูกอายัดไปแล้ว หลังทราบเรื่องของน้องตนก็รู้สึกหดหู่ใจและสงสารเขาอย่างมาก

อยากฝากเตือนคนที่เอาเงินแบบนี้ไปใช้อย่าทำเลย ติดต่อธนาคารหรือตำรวจเพื่อคืนเงินไปดีกว่า ถ้าเอาไปใช้แล้วอาจตกเป็นผู้ต้องหาเองคดีนี้ตนพร้อมให้อภัยไม่อยากให้สังคมโจมตีน้องเขา เบื้องต้นตนได้ให้น้องไปติดต่อ ทางธนาคารเพื่อถอนอายัดเงินที่ธนาคารอายัดไว้และนำมาคืนให้ตนจำนวน 8,500 บาท

ส่วนเงินที่น้องเอาไปใช้ 11,500 บาทนั้น น้องเขาขอผัดผ่อนชำระเป็นรายเดือน ตนก็จะขอพิจารณาดูตามความจำเป็นและเหมาะสม ตนก็เข้าใจน้องมีความ จำเป็นต้องใช้เงิน ตนก็มีความจำเป็นเช่นกัน ก็อยากฝากถึงคนที่มีเงินโอนเข้าบัญชีแบบนี้อย่าได้ไปทำ เหมือนกรณีของเคสตนเองเลยก็อยากฝากไว้


ต่อมา ร้อยตำรวจโทมิตรชัย ได้โทรวิดีโอคอลแล้วติดต่อไปที่นางสาวปวีณา ต่อหน้าผู้สื่อข่าว โดยนางสาวปวีณายอมรับว่าเอาเงินมาใช้จ่ายจริง เพราะทีแรกคิดว่าเป็นเงินที่น้องชายโอนเข้ามา และก็ตกใจทำไมจำนวนเงินถึงมาก เพราะน้องชายจะโอนให้ตนอย่างมากก็ไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อให้นำเงินไปซื้อนมเลี้ยงลูก ตนมาทราบทีหลังว่าเป็นเงินที่โอนผิดจากบัญชีของนายตำรวจ ส่วนเบอร์โทรที่ผูกติดกับพร้อมเพย์ของตนนั้นถูกอายัด ยกเลิกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 66 เนื่องจากตนไม่มีเงินชำระจึงถูกทาง AIS บอกยกเลิก

ส่วนที่หมวดมิตรชัยโทรมาหาครั้งแรกนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงตนเป็นคนรับสาย ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะเบอร์เปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่นแล้ว แต่ยังผูกกับพร้อมเพย์อยู่ ตนมีลูก 3 คน ฐานะยากจน จะทำตามคำแนะนำที่หมวดมิตรชัยบอก จะรีบไปที่ธนาคารขอให้ยกเลิกอายัดบัญชีทันที และจะนำเงินที่เหลือในบัญชีมาคืนให้หมวดมิตรชัย ส่วนที่ตนใช้ไป 11,500 บาทนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าจะหาที่ไหนมาชำระได้เป็นก้อน ก็อยากจะขอความเห็นใจด้วยการผ่อนชำระเป็นเดือนๆ เนื่องจากตนไม่มีรายได้ มีเพียงสามีที่ทำงานได้ค่าแรงแค่วันละ 300 บาท ถ้าตนมีเงินอยากนั่งรถและเอาเงินไปคืนเขาที่โรงพักด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้แม้แต่ค่ารถที่จะไปก็ยังไม่มีก็ขอขอบคุณหมวดมิตรชัยมากๆ ที่เข้าใจและเห็นใจสงสารตน