เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเขตพื้นที่สภ. บางเสาธงโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกเวลาประมาณเที่ยงคืนเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊งรับแจ้งว่ามีหญิงถูกมัดไว้ในป่ากระถิน หลังตึกร้างใกล้กับคลองห้าวเกลือ ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง

 

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือแล้วปรากฏว่าในเวลาต่อมาพบว่าหญิงรายนี้กุเรื่องขึ้นมาโดยหลอกว่า มีแก๊งทวงหนี้นอกระบบอุ้มมาชิงทรัพย์โดยบังคับให้โอนเงินจำนวน 80,000 บาท

 

ต่อมาทีมข่าวช่องแปดเดินทางไปที่สภ. บางเสาธงพบ นางสาวจิน (นามสมมติ) และนายสมบัติ (นามสมมติ) สองสามีภรรยาอยู่ในห้องสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนโดยนางสาวจินมีท่าทางอิดโรยและ ร้องไห้จนตาแดง ตำรวจใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง และแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งจะมีการรวบรวมสำนวนและคุมตัวส่งฝากขังศาลแขวงบ้านโพธิ์ต่อไป

 

หลังจากนั้นนางสาวจินและนายสมบัติสองสามีภรรยา ได้เดินออกจากห้องพนักงานสอบสวนทีมข่าวได้สอบถาม นางสาวจินแต่สามี สามีระบุว่าขอเป็นคนให้ข้อมูลเองเพราะภรรยามีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและเครียดจัดกลัวจะกระทบกับสุขภาพ

 

สามีเปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากขอโทษสังคม อยากขอโทษตำรวจ และกู้ภัย ที่แฟนตนเองโกหกสร้างเรื่องขึ้นมา โดยเรื่องเงินนั้นไม่ใช่เป็นการติดหนี้นอกระบบนอกแต่เป็นเพราะแฟนตนเองนำเงินเก็บซึ่งเตรียมไว้ที่จะคลอดลูกเพราะแฟนตนเองตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว โดยแฟนนำเงินก้อนนี้จำนวน 70,000 บาทเอาไปเล่นพนันออนไลน์จนหมด จึงคิดแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อที่จะหาเงินมาคืนในส่วนนี้

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนเองไม่โกรธและต่อไปนี้ก็จะดูแลแฟนปกติรักและให้อภัยกับสิ่งที่แฟนตัวเองเกิดขึ้น อยากฝากถึงสังคมให้ดูกรณีตัวเองเป็นตัวอย่างว่าการเล่นพนันออนไลน์มันส่งผลกระทบเช่นไร มันไม่มีอะไรดีเลย

 

ส่วนตัวนางสาวจินคนกรุเรื่องระบุสั้นๆ พร้อมยกมือไหว้ ว่าขอโทษตำรวจและมูลนิธิกู้ภัยและประชาชนจะไม่ทำอีกแล้ว

 

ทั้งนี้ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ไปยังป่ากระถินจุดเกิดเหตุโดยพบว่านางสาวจินคนกุเรื่องนั้นว่าจ้างรถแท็กซี่สีชมพูจากที่พักการเคหะบางพลีมาที่ป่ากระถินโดยเดินเข้าจากด้านข้างตึกร้าง ระยะทางประมาณ 30 เมตร จากนั้นก็นั่งลงบริเวณต้นกระถินและใช้มือสอดเข้าไประหว่างต้นกระถิน และมัดมือตนเองโดย วิธีการมัดใช้การมัดแบบเงื่อนผูกตายจากนั้นก็มีการส่งข้อความหาสามีและพี่สาวให้ช่วยเหลือโดยอ้างว่าถูกเจ้าหนี้นำมาผูกไว้ที่ป่ากระถินแห่งนี้

 

ทีมข่าวเราทดลองนั่งและใช้มือสอดเข้าไปตามที่นางสาวจินมัดมือตนเองก็พบว่าถ้านั่งนั้นสามารถนั่งได้สบายและใช้มือสอดกับต้นกระถินซึ่งการผูกเงื่อนตายนั้นยังเป็นข้อสงสัยว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการ มัดข้อมือของนางสาวจินหรือไม่ หรือนางสาวจินทำเองส่วนกระดาษกาวที่ปิดปากนั้นหล่น อยู่ที่พื้นคาดว่านางสาวจิน คงทำหลุดจากปากเองเพื่อทำให้เหตุการณ์เสมือนจริง

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายธีรพล กู้ภัยปอเต๊กตึ้ง ซึ่งเป็นคนช่วยเหลือนางสาวจินเปิดเผยว่าครั้งแรกได้ยินเสียงหมาเห่าคล้ายกับมีคนเดินเข้ามาที่ป่ากระถินแต่มองไม่เห็นหลังจากนั้นก็ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากญาติของนางสาวจินมาแจ้งว่าน้องสาวถูกนำตัวมาที่ป่ากระถินด้านหลังที่ทำการของมูลนิธิจึงนำอุปกรณ์แสงสว่างเข้าไปในป่ากระถินเพื่อช่วยเหลือ

 

และร้องตะโกนถามว่า ได้ยินไหมถ้าได้ยินให้ตอบก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่าอยู่นี่

 

เมื่อไปถึงเห็นสภาพของนางสาวจินนั่งกองอยู่กับพื้น มือ ถูกมัด ไพล่หลังและถูกมัดด้วยเชือกคล้ายกับเชือกกรองเท้าลักษณะมัดเป็นเงื่อนตาย มัดมือทั้งสองข้างและยังพบเทปกาวที่ปิดปากหล่นอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุตอนนั้น นางสาวจินร้องไห้และหวาดกลัว ทางกู้ภัยจึงแจ้งตำรวจเมื่อตำรวจมานางสาวจินก็ไม่มีท่าทางพิรุธอะไรยังมีท่าทางหวาดกลัวและร้องไห้อยู่ตลอดเวลาทำให้ทุกคนเชื่อว่าเรื่องที่นางสาวจินหลอกลวงขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริงเมื่อถามว่าพอทราบว่าเป็นเรื่องหลอกลวงตนเองก็เสียความรู้สึกเพราะอุตส่าห์เข้ามาช่วยทำไมต้องหลอกและกลัวว่าจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบอยากบอกกับผู้ก่อเหตุว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกเพราะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

 

ทีมข่าวสำรวจพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นป่ากระถินขนาดกว้างอยู่หลังตึกที่ทำการชั่วคราวของมูลนิธิปอเต็กตึ๊งโดยอีกฝั่งหนึ่งของป่ากระถินติดกับถนน ที่วิ่งผ่านไปนิคมบางพลีได้โดยนางสาวจินเดินเข้ามาในป่ากระถินเส้นทางนี้ใช้ระยะทางประมาณ 30 เมตรก็ถึงจุดที่ถูกมัดกับต้นกระถินทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าต้องมีคนรู้เห็น เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะการมัดมือตนเองสองข้างโดยมัดลักษณะเงื่อนไขไม่สามารถทำได้เพียงลำพังจึงอาจจะมีผู้มีส่วนรู้เห็น สร้างการละครขึ้นมาหลอกลวงทุกคน