วันที่ 4 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.38 น. ครอบครัว "เชื่อมจิต" เด็กชายวัย 8 ขวบ พร้อมทนายความ เดินทางมาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อเตรียมแถลงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณีที่ถูกใส่ร้าย และยื่นหนังสือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก


ขณะเดียวกันมีแฟนคลับบางส่วนได้นำดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจให้กับเด็ก 8 ขวบ พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจเสียงดังก้อง ทีมข่าวได้สอบถาม หนึ่งในผู้เลื่อมใส เล่าว่า ตนติดตามอาจารย์เด็ก 8 ขวบ มานานกว่า 2 ปีแล้ว วันนี้เดินทางมาจากเขตบางแค ยืนยันว่าไม่มีการจัดจ้าง ตนเดินทางมาด้วยตนเอง และมาเพียงแค่คนเดียว เชื่อว่าหากมารอแต่เช้าอย่างไรก็น่าจะได้เจอกับอาจารย์เด็ก 8 ขวบแน่นอน




ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเชื่อความศรัทธาอย่างไร ชายรายดังกล่าวระบุว่า ด้วยคำสอนของอาจารย์เด็ก 8 ขวบ ทำให้เราเกิดในด้านของการนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งตนทำมาแต่เดิมนานนับสิบปีแล้ว แต่เมื่อได้มาฟังสิ่งที่อาจารย์เด็ก 8 ขวบสอนก็ทำให้การนั่งสมาธิของตนนั้นนิ่งขึ้นเกิดจิตที่สงบขึ้น เพราะฉะนั้นตนจึงรู้สึกว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์สำหรับตน แต่สำหรับบุคคลอื่นจะเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ว่าสิ่งที่ท่านสอน ตนตามหามาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ยังไม่ได้


เมื่อถามว่าตนเคยไปร่วมนั่งสมาธิกับกลุ่มเชื่อมจิตด้วยตนเองแล้วหรือยัง ชายรายดังกล่าวระบุว่า ถ้านั่งสมาธิแบบทั่วไป ตนเคยไปนั่งมาแล้วหลายแห่ง แต่ถ้าเป็นของอาจารย์เด็ก 8 ขวบ ตนยังไม่เคยไปนั่งสมาธิกับท่านแต่ก็นั่งทางไลน์ เมื่อท่านนัดว่าจะมานั่งสมาธิตอนเวลากี่โมง เราก็คอยรอเวลา แล้วก็ไปนั่งสมาธิตอนเวลาที่ท่านจะเข้ามาสอน


เมื่อถามต่อว่า เชื่อในเรื่องการนั่งสมาธิ แล้วเรื่องของ "การเชื่อมจิต" หรือ "การซูม" เชื่อหรือไม่ ชายรายดังกล่าวระบุว่า เชื่อมจิตในทางพุทธศาสนานั้นมีจริง เพียงแต่ว่าใครจะพูดอย่างไร ใช้ศัพท์แบบไหนอาจจะไม่ตรงกัน ฉะนั้น ไม่ว่าอาจารย์เด็ก 8 ขวบ หรือหลวงพ่อองค์ไหน ที่ท่านสามารถเป็นอาจารย์สอน ก็คิดว่าการเชื่อมจิต มันเป็นเรื่องปกติในทางการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน


ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากครอบครัวเชื่อมจิตเข้าพบคุณอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. เพื่อยื่นให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่พม.สุราษฎร์ธานี เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขอให้มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก 8 ขวบ


พ่อและแม่ รวมถึงทนายความแถลงข่าวเปิดใจ โดยแม่ของเด็ก 8 ขวบ เปิดเผยว่า หลังจากยื่นเอกสารที่ พม. แล้ว ก็นำเอกสารชุดเดียวกัน มอบให้กองปราบปรามเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี โดยแม่น้อง 8 ขวบ กล่าวต่อว่า เมื่อวานทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ตนต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อเป็นความประทับใจ บรรยากาศในช่วงที่สอบสวน ก็เป็นบรรยากาศที่น่ารัก ซึ่งไม่ตรงเลย กับการที่มีคนไปพูดว่า น้องก้าวร้าวกับตำรวจ นั้นไม่เป็นความจริง ที่สำคัญประโยคบางประโยค ที่มีการแจ้งความไว้นั้น น้องก็ยืนยันว่าน้องไม่ได้พูด และจะมีการแจ้งความกลับด้วย




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ครอบครัวเชื่อมจิตกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังยื่นหนังสือเสร็จ ได้เกิดเหตุชุลมุนระหว่างทนายธรรมราช กับยูทูบเบอร์คนหนึ่ง ได้เกิดปากเสียงกัน เนื่องจากยูทูบเบอร์ถามในวงสัมภาษณ์ว่า การที่น้องไปไหนมาไหนมีผลกระทบกับการเรียนหรือไม่ ซึ่งแม่ของเด็กบอกว่า น้องได้เกรดเฉลี่ย 3.98 จากนั้นยูทูบเบอร์ได้ไปพูดคุยกับคนในไลฟ์ และออกจากวงสัมภาษณ์ไป


จากนั้นทนายธรรมราช เดินเข้ามาพูดว่า "ผมเห็นคุยพูดถึงผมในโซเชียลหลายรอบแล้วนะครับ ผมอยู่ตรงนี้มีอะไรก็ถามผมมาสิ จากนั้นมีการถามไปมาจนมีเสียงโวยวายต่อกัน" จากนั้นพ่อแม่ของเด็ก 8 ขวบ เดินมาคุยบอกว่า "ใครสั่งมา เขากำลังสัมภาษณ์กันอย่างมีความสุข ถ้าจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ก็ออกไป" และมวลชนก็ตะโกนว่า"ออกไป" จากนั้นแม่ของเด็ก 8 ขวบ ได้ขอให้แยกย้ายและกลับมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง


ต่อมาแม่ของเด็ก 8 ขวบ บอกว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก มักจะมีคนเข้ามาคอยปลุกปั่นและสร้างความเดือดร้อนให้กับเราเสมออยู่แล้ว ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนที่รู้จักน้องจริง เป็นบุคคลชาวเน็ต ซึ่งแตกต่างจากบุคคลในชีวิตจริง คนที่มาทำให้ไม่ปกติคือ คนที่ไม่เข้าใจน้อง ไม่ได้เกิดจากครอบครัวหรือตัวของน้องเอง ดังนั้นอยากให้ทุกคนมาสัมผัสกับตัวน้องมากกว่าไม่ใช่วิเคราะห์ทิพย์กันไปเอง อย่างไรก็ตาม แม่ของเด็ก 8 ขวบ กล่าวอีกว่า ได้ให้ทนายธรรมราช ดำเนินดคีกับยูทูบเบอร์คนดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากพบว่ามีพฤติกรรมก่อกวนบ่อยครั้ง


ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่ สน.ทองหล่อ มีหมายเรียกรวมทั้งหมด 3 คน พ่อ แม่ และน้อง ซึ่งจริง ๆ ครอบครัวตั้งใจจะเข้าไปวันที่ 4 แต่อยู่ ๆ น้องบอกว่าจะไปเลย (3 มิ.ย.67) เลย "และน้องได้บอกกับพ่อแม่ว่า สิ่งที่จะได้เห็น ที่ สน.ทองหล่อ นั้น จะได้เห็นหมดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบ้าง แล้วสิ่งที่ได้เห็นแม่จะสามารถเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง ๆ แต่ใช้คำว่านิมิตร หรือ อะไรแม่ไม่รู้แต่ ที่น้องพูดมาไม่มีพลาด"




แม่ของน้อง 8 ขวบ กล่าวต่อว่า เมื่อวานทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ตนเองต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อเป็นความประทับใจ บรรยากาศในช่วงที่สอบสวน ก็เป็นบรรยากาศที่น่ารัก ซึ่งไม่ตรงเลย กับการที่มีคนไปพูดว่า "น้องก้าวร้าวกับตำรวจ" นั้นไม่เป็นความจริง ที่สำคัญประโยคบางประโยค ที่มีการแจ้งความไว้นั้น น้องก็ยืนยันว่าน้องไม่ได้พูด และจะมีการแจ้งความกลับด้วย


ส่วนเรื่องการพิมพ์ลายนิ้วมือ ที่ไม่ยอมขึ้นไปชั้น 2 นั้น เพราะมองว่าน้องเป็นเด็ก ไม่ว่าพ่อแม่จะทำอะไร อยู่ตรงไหน น้องจะอยู่ตรงนั้น ส่วนเรื่องการปีนบันไดหนีนั้นยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทำไมถึงจะต้องปีนหนีด้วย อีกทั้งการพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่มีเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องพิมพ์ตรงไหน


"แม่ขอให้ความรู้นิดหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นแค่มีคน ๆ หนึ่งมาแจ้งความมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต หรือร้ายแรงอะไรที่จะต้องทำเหมือนเราเป็นอาชญากร ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เราแค่มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วมาดูว่าตรงนั้นตรงไหมจะปฏิเสธไหมเท่านั้นเอง เป็นแค่คดีหมิ่นประมาท


เมื่อวานนี้ น้องบอกให้แจ้งความกลับ เนื่องจากน้องมีความรู้สึกว่าโดนคุกคามในขณะที่น้องกำลังพูดคุยกันในห้องสอบสวน จะได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาในห้องตลอดเป็นคำด่า ตำรวจที่อยู่ที่นั่นก็รู้ดี เพราะอยู่กันหลายคน เหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวาน ตนเองขอเรียกว่าอำมหิตมาก หลังจากข่าวออก ก็มีการปลุกระดมคน ให้ไปปิดล้อมโรงพัก ทำให้น้องไม่ได้กินข้าวเลย จนถึง 21.00 น. หลังจากนี้สิ่งไหนที่น้องทำ แล้วน้องมีความสุข ในฐานะพ่อแม่ก็จะปล่อยให้น้องทำ เรื่องการสอนธรรมเป็นเรื่องที่น้องทำแล้วมีความสุข ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล คือ เรื่องที่เราโดนคุกคาม และเอาอะไรที่ไม่เป็นความจริงของน้องไปเผยแพร่ แล้วสื่อก็ประโคมข่าวกันไม่เลิก"




แม่ของเด็ก 8 ขวบ กล่าวอีกว่า อยากดูความจริง เพราะจริงๆการที่เด็กน้อยคนหนึ่งขึ้นมาพูดเรื่องธรรมะ แล้วก็มีการสอนธรรมตั้งแต่ 5 ขวบถึง 8 ขวบ มีผู้คนยอมรับเป็นจำนวนมาก และทุกคนพูดเป็นทางเดียวกันว่า ที่ยอมรับในความเป็นน้อง คือ ข้อธรรมที่น้องสอน ซึ่งข้อธรรมที่น้องสอนถูกเผยแพร่ออกไป ตนเองมองว่าเป็นเรื่องดีนะ ขอให้ทุกคนเข้ามาดูว่าความเป็นจริง วันที่ 15 มิถุนายน น้องจะสอนธรรมะ แล้วจะมีการเชื่อมจิต ถ้าเป็นไปได้ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองทางออนไลน์ ร่วมกันนั่งสมาธิกับน้อง แล้วดูว่าสิ่งที่น้องทำมีอะไรนอกเหนือจากที่สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนบ้าง 15 มิถุนายนตอน 19.30 น.


ส่วนเรื่องวิเคราะห์ทิพย์ คือ การที่วิเคราะห์ โดยใช้ความคิดของตัวเองเข้าไป โดยที่ไม่ได้สัมผัสเรื่องที่เป็นความจริง ไม่ได้เจอเจ้าตัว ไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นนี่คือเรียกว่า วิเคราะห์ทิพย์ คิดเองวิเคราะห์ไปเอง แล้วมองว่าตรงนั้น โดยที่ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะให้น้องหยุดหรือไม่นั้น แม่ของเด็ก 8 ขวบ กล่าวว่า " ทำไมต้องหยุด น้องทำอะไรผิด ทำไมต้องไปห้ามน้อง แล้วถามว่าการชวนคนมานั่งสมาธิ ไม่เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์"




ล่าสุดวันนี้ ที่อาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ด้าน พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เผยว่า กรณีวานนี้ที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งอาจมีการเข้าใจผิด ตนในฐานะหัวหน้าหน่วยก็ต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วย ซึ่งหนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า ตนเองนั้น จริง ๆ ไม่ได้ติดใจอะไรเลย เพียงแต่ว่า ตนเองมีความไม่สบายใจเกิดขึ้นเพราะมันเป็นเรื่องของมาตรฐาน เรื่องของบรรทัดฐานที่มันเกิดขึ้น ตนเข้าใจทั้งหมดเลยว่า ทางฝั่งผู้ต้องหาเองมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ คือตนเข้าใจบริบททั้งหมด รวมถึงเรื่องของการพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งจริง ๆ แล้วตนมีความเห็นว่า มันทำให้สังคมมองในเรื่องของการดูแล หรือการปกป้องฝ่ายผู้ต้องหา ทั้งที่ตนเป็นฝ่ายเจ้าทุกข์มันก็เลยทำให้ตนเกิดความไม่สบายใจขึ้น ว่าคดีความจะไปถึงตรงไหนแล้วทำไมต้องดูแลเขาขนาดนั้น


อีกทั้ง หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ตนเป็นผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ แต่ในทางปฏิบัติไม่เหมือนว่าเราเป็นผู้เสียหาย แต่ผู้ต้องหาเองกลับกลายเป็นว่าได้รับการปฏิบัติแบบเป็น VIP เลย มีการปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่ท่านผู้การได้เห็นเมื่อวาน สุดท้ายขนาดรถเขาเอารถออกไป ก็ยังมีรถตำรวจตามไปอีก ในขณะที่ตนเป็นผู้เสียหาย ตนยังต้องนั่งรถจักรยานยนต์กลับบ้าน มันทำให้นึกถึงว่าแล้วถ้าเป็นตาสีตาสาจะทำยังไง ซึ่งตนอยากฝากผู้การ ให้ดูแลเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงประชาชนคนทั่วไป ว่าอนาคตถ้าไป สน.ทองหล่อ สามารถพิมพ์ลายนิ้วมือตรงไหนก็ได้


หนุ่ม กรรชัยพูดต่อทนายความว่า ก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว ตอนแรกถามว่าโกรธไหมก็โกรธ แต่ตนเป็นห่วงคนอื่น ๆ ถ้าตาสีตาสามาจะเป็นอย่างไร ขนาดเป็นตนยังเจอแบบนี้เลย ตนมองว่าแค่บิดวิธีการนิดเดียวเท่านั้น อย่างเช่นว่า "เออ พี่ใช้ห้องน้ำใช่ไหม ผมกลัวจะมีเหตุปะทะกัน เอาแบบนี้ได้ไหมขอนุญาตให้ตำรวจตามพี่ไปนะ มันจบเลย ผมก็โอเค"




นอกจากนี้ ทางเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้โพสต์ข้อความ “อะไรกันเนี๊ยะ คุณตำรวจ‼️” พร้อมคลิปน้องเชื่อมจิตอายุ 8 ขวบ กำลังใช้นิ้วแตะหน้าผาก ผู้ชายลักษณะคล้ายตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นผู้กำกับท่านหนึ่ง ในพื้นที่ สภ. รับผิดชอบของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ล่าสุด พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากเห็นคลิปก่อนหน้านี้เคยได้พูดคุยกับเจ้าตัว (ผกก.) แล้วว่าเชื่อหรือไม่อย่างไร เจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้นก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะไม่ได้เกิดความผิดกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะเจ้าตัว หากพบว่ามีการถูกหลอกให้เสียเงินเสียทอง หรือเสียหาย ก็ให้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้


แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีความเคลื่อนไหว คือไม่มีใครเป็นผู้เสียหาย จึงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล เพราะที่ผ่านมาก็เห็นว่าผู้กำกับคนดังกล่าว ก็เป็นนักปฎิบัติธรรม เข้าใจว่าคงอยากจะทดลองดูว่ามันเป็นจริงหรือไม่อย่างไร สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะพูดอะไรไปมากก็คงไม่ดี อาจจะไปกระทบกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

 

ครอบครัว "เชื่อมจิต" ฉะกลุ่มป่วนเด็กอำมหิต ตำรวจไหว้ขอโทษ "หนุ่ม กรรชัย"