"บิ๊กเต่า" คาดเรือของกลางล่องไปกัมพูชา รอสอบโยง "เสี่ยโจ้"? แจงรถกระบะปริศนา บรรทุกอะไรเข้า-ออก?

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มีหลายหน่วยเข้าร่วมการประชุม และไปตรวจความคืบหน้าในการมอบหมายงานติดตามเรือที่หายไป ให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำ ตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วเร็วที่สุด

ส่วนกองบังคับการปราบปรามที่เข้าไปดำเนินการกับลูกเรือ 3 ลำที่หลบหนีไป ตอนนี้ยืนยันมีคนลงเรือ 16 คน ได้ชื่อมาแล้ว 14 คน อีก 2 คน ได้ชื่อแล้วแต่ยังไม่ได้รูปหน้า ตอนนี้ชุดกองปราบกำลังไปลงพื้นที่

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ บอกว่า เรือทั้ง 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ

ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันจันทร์ ปอศ. จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบหนีมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. และคาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันอังคาร

ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงเช้า นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้ง 3 ลำ จะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา พล.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง

โดยขณะนี้ในการติดตามค้นหาเรือได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา

ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ขอเวลาประมาณสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้า

ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า เสี่ยโจ้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า จากข้อมูลทางการสืบสวน พบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้พำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ส่วนการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น บิ๊กเต่า บอกว่า ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการ

ส่วนการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง

ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผู้ต้องหาถูกประกันตัว แล้วทำไมถึงสามารถกลับไปอยู่บนเรือของกลางได้อีก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เพราะบ้านของพวกเขาคือเรือ พอประกันตัวเสร็จ ก็กลับไปอยู่กินบนเรือ ซึ่งยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่ง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ ซึ่งสั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า ผบช.ก. ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง

ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 17.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล ภาค 1 โดยมีการฝึกระหว่างวันที่ 10 ถึง 13 มิถุนายน ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายออกไปจากทางเทียบเรือ