ล่าสุดวันนี้ (19 มิ.ย.67) ทีมข่าวช่องแปดได้เดินทางไปเยี่ยม “น้องแพน” หรือ นางสาวจิดาภา อายุ 34 ปี ซึ่งหลังจากที่เงินบริจาคเมื่อวานนี้มียอดรวมทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านบาท เราก็ได้ไปดูความเป็นอยู่ของครอบครัวน้องแพนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าทั้งครอบครัวก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่เคยเป็น โดยเมนูวันนี้ที่นางแจ๋วผู้เป็นยายได้ทำให้กับหลานสาว คือ ไข่ดาว, ผัดบวบใส่ไข่, ปลากระป๋อง โดยวันนี้นางสาวจิดาภาก็ได้กินข้าวทั้งหมดสองจาน เนื่องจากว่าชอบกินปลากระป๋องเป็นอย่างมาก เมื่อวานนี้ทีมข่าวช่องแปดก็ได้นำปลากระป๋องมามอบให้กับนางสาวจิดาภาจำนวนหนึ่ง ซึ่งการกินข้าวของนางสาวจิดาภาก็ยังคงใช้กระจกเป็นตัวช่วยเหมือนเช่นเคย

 

หลังจากที่นางสาวจิดาภากินข้าวเสร็จแล้ว ทีมข่าวช่องแปดก็ได้สอบถามว่าตอนนี้ยอดเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจดีมีเท่าไหร่แล้ว นางสาวจิดาภาก็ได้หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่ามาเปิดดูโดยที่สุ่มรหัสอยู่หลายครั้งเนื่องจากไม่ได้เปิดใช้โทรศัพท์นาน แต่หลังจากที่เปิดโทรศัพท์ได้ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เนื่องจากยอดเงินบริจาคในเวลา 13.48 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 7,726,531 บาท 96 สตางค์ โดยทันทีที่นางสาวจิดาภาเห็นยอดเงินก็ถึงกับร้องไห้และยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณผู้บริจาคทุกคน บอกว่าตนนั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะจะมีเงินไปรักษาตัวเองแล้ว อีกทั้งยังบอกว่าขอปิดรับบริจาคเงินเพียงเท่านี้เนื่องจากยอดเงินตอนนี้ก็ได้เยอะเกินความคาดหมายแล้ว จึงอยากให้หยุดปิดรับบริจาคและอยากให้ผู้ใจดีนำเงินไปแบ่งปันและช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนคนอื่น ๆ เพราะตนเชื่อว่าในสังคมยังมีคนที่ต้องการความช่วยเหลืออีกเยอะ ทั้งนี้ก็อยากขอบคุณสื่อทุกสำนักและผู้ใจดีทุกคน อยากขอบคุณจากใจจริงที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวของตน พร้อมกับอวยพรขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง โดยนางสาวจิดาภาก็เชื่อว่าชีวิตของตนหลังจากนี้ก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น การรักษาพยาบาลก็คงจะเต็มที่ยิ่งขึ้น การเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งก็คงจะสะดวกสบายมากขึ้น แต่นางสาวจิดาภาก็ยังยืนยันว่าตนก็ยังจะเป็นน้องแพนคนเดิม ต่อให้จะมีเงินมากมายขนาดไหน ตนก็ยังอยากจะทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเหมือนเดิม

 

จนกระทั่งเวลา 15.30 น. ทางด้านของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอบ้านค่าย , สาธารณะสุขอำเภอบ้านค่าย , กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น , สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง ได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมเยียนครอบครัวของนางสาวจิดาภา โดยมีการเข้ามาถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงนายทศพล บวรโมทย์ (นายอำเภอ) ก็ได้เป็นตัวแทนในการมอบถุงยังชีพ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และถังออกซิเจนใหม่กับนางสาวจิดาภา โดยเปลี่ยนจากถังออกซิเจนขนาด 5 ลิตร เป็นถังออกซิเจนขนาด 10 ลิตร

 

นายทศพล บวรโมทย์ (นายอำเภอ) ก็ได้กล่าวว่า จากกรณีของนางสาวจิดาภาต้องขอย้อนความไปก่อนว่าเดิมทีนั้นนางสาวจิดาภาไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็ง แต่มีปัญหาเรื่องโรคไตแทน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการฟอกเลือดและฟอกไตเป็นประจำอยู่แล้ว จนกระทั่ง 3 ปีก่อนที่มีการตรวจพบเชื้อมะเร็ง ทางภาคราชการเองก็มีการเข้ามาพบปะเยี่ยมเยียนมอบถุงยังชีพให้กับผู้ป่วยเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว รวมถึงผู้นำท้องที่ท้องถิ่นก็ได้มีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบ้านพักที่มีการจัดสรรงบประมาณเข้ามาช่วยปรับปรุงซ่อมแซมให้มั่นคงแข็งแรง นอกจากนี้ก็มีการมอบเงินช่วยเหลือให้ปีละ 3 ครั้ง ครั้งละ 3,000 บาท ส่วนแนวทางการช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างการเดินทางไปฟอกเลือดฟอกไต นายทศพลก็ยืนยันและรับปากว่าจะช่วยดูแลให้ ซึ่งจะมีการอำนวยความสะดวกในการจัดรถรับส่งสำหรับการเดินทางไปฟอกเลือดฟอกไตในแต่ละครั้งอีกด้วย

 

 

ยอดบริจาคทะลุ 7 ล้าน! ธารน้ำใจช่วย "น้องแพน" ป่วยมะเร็งปาก