วันที่ 19 มิ.ย. 2567 โลกโซเชียลแชร์สนั่น หลังนางโบตั๋น (นามสมมติ) ไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊กตัวเอง ขณะบุกเข้าไปในรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อตามหา นายมังคุด (นามสมมติ) สามี แล้วพบสามีกับ น.ส.บานชื่น (นามสมมติ) ผู้หญิงอีกคน อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องหลังจากหายไปทั้งคืน

แม้ในไลฟ์สดฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะยืนยันว่า "ไม่ได้มีอะไรกัน" และท้าให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หากไม่พบจะฟ้องภรรยา แต่นางโบตั๋นไม่เอาด้วย ยืนยันช่องทางเดียวคือการเลิกกัน จนมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ตำหนิฝ่ายชาย ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เวลาประมาณ 06.00 น. นั้น

นางโบตั๋น เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. สามีบอกว่าจะขอไปดื่มเหล้ากับเพื่อนในหมู่บ้าน ตนไม่ว่าอะไรเพราะเคยไปเป็นประจำ แต่ครั้งนี้แปลกตรงที่ไม่กลับบ้านทั้งคืน เช้ามาจึงโทรศัพท์ถามเพื่อนของสามี ปรากฏว่าแยกกันตั้งแต่เวลา 23.00 น. จึงเริ่มเอะใจและตั้งใจออกตามหาที่รีสอร์ตทันที ทั้งที่สามีไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน แต่คิดเอะใจและคิดในใจว่าถ้าเจอสามีอยู่ในรีสอร์ตจริง น่าจะอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตนเคยเห็นสามีแอบมอง

ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปในรีสอร์ต เบื้องต้นพบรถจักรยานยนต์ของตนที่ซื้อให้สามีจอดอยู่หลังห้องรีสอร์ต จากนั้นได้เคาะประตูให้เปิดแต่ไม่เปิด จึงขอให้พนักงานรีสอร์ตมาเรียกให้สุดท้ายเปิดห้อง สิ่งที่ตรงเหมือนกับความคิด คือสามีอยู่กับหญิงสาวที่ตนคิดไว้ไม่มีผิด

นางโบตั๋น เล่าอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนไม่รับสามีซึ่งอยู่กินกันมา 6 ปี เข้าบ้าน เพราะเป็นบ้านของตน และทรัพย์สินทั้งหมดตนเป็นคนหาซื้อมาเอง ทั้งบ้าน ทั้งรถ ก่อนหน้านี้ตนกับสามีเคยมีข้อตกลงกัน หากไปทำผิดในลักษณะนี้ให้ออกไปแต่ตัว ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ตอนนี้ตนขอยึดหลักที่เคยตกลงกันคือ "ไม่รับเป็นสามีอีกแล้ว" จะมีญาติผู้ใหญ่หรือใครก็ตามมาเจรจาก็ไม่ขอเอาคืน แต่อาจจะแบ่งทรัพย์สินบางอย่างเพื่อเอาไปเป็นทุนบ้างตามสมควร แต่จะให้มาอยู่กินกันฉันสามีภรรยาไม่เอาแล้ว และอยากฝากบอกอดีตสามีว่า "จะหาเมียที่ไหนได้ที่ตั้งใจทำมาหากินเพื่อครอบครัวได้อย่างตน"

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านฝ่ายชาย ยังไม่พบตัวเพราะออกไปทำงาน และไม่อยากให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น คาดว่ายังหลบกระแสสังคมอยู่ในขณะนี้ รวมถึงฝ่ายหญิงที่อยู่ด้วยกันในห้องนอนรีสอร์ต หายตัวไปเช่นเดียวกัน

ทีมข่าวจึงสอบถามแม่ของนายมังคุด หรือแม่สามีของนางโบตั๋น เล่าว่า เห็นคลิปแล้วมีคนเอามาให้ดู รู้สึกตกใจเหมือนกัน ยอมรับว่าลูกชายเคยมีภรรยามาแล้ว 2 คน นางโบตั๋นเป็นคนที่ 3 ก่อนหน้านั้นลูกชายเป็นคนเจ้าชู้ แต่ตั้งแต่มาอยู่กินกับ นางโบตั๋น ประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นว่าจะเจ้าชู้จนกระทั่งมาเป็นข่าวดังกล่าว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น อยากให้ลูกสะใภ้คิดว่าเป็นฝันร้าย และอยากให้กลับมาคืนดีกัน เพราะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว หลังจากนั้นค่อยมาเจรจาตกลงกันไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสอบถาม นางโบตั๋น ล่าสุดยังยืนยันคำเดิมว่าจะ "ไม่เอาคืน" แต่สามารถพูดคุยกันได้ เจรจากันได้ โดยล่าสุดหญิงที่ปรากฏในคลิป ได้โทรศัพท์มาขอโทษตนแล้ว ตนไม่ได้ว่าอะไรคุยได้ แต่จะคุยให้กลับคืนดีกัน "ตนไม่เอาแล้ว"