กรณีกวางถูกรถชนดับ หลุดบ้านใหญ่ 30 ไร่ ตำรวจสอบคนดูแลพบยังมีสัตว์อื่น

วันที่ 20 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณหน้าเทศบาลตำบลบางพลับ ถนนชัยพฤกษ์ ฝั่งขาออกมุ่งหน้าบางบัวทอง ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากกรณีเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีรถชนกวางตายและรถได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบนถนนชัยพฤกษ์ขาออก มุ่งหน้าราชพฤกษ์-บางบัวทอง ในช่องจราจรด้านซ้าย บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อใกล้กับเทศบาลตำบลบางพลับ ที่เกิดเหตุพบกวางเพศเมีย 1 ตัว นอนตายอยู่ริมถนนโดยมีรถกระบะ 2 คันที่ชนกวางตัวดังกล่าวจอดอยู่ใกล้ๆ ได้รับความเสียหาย โดยคันแรกได้รับความเสียหายบริเวณกันชนหน้าฝั่งซ้ายมีรอยยุบ และอีก 1 คันเป็นรถกระบะห้องเย็น ได้รับความเสียหายกันชนหน้ายุบ และพบคราบเลือดซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเลือดของกวางติดอยู่ โดยรถทั้งสองคันขับชนกวางขณะวิ่งข้ามถนน เจ้าของรถกระบะสามสารถบันทึกภาพจากไว้ได้

น.ส.วันเพ็ญ​ แม่ค้าบริเวณตลาดเทศบาลบางพลับ​ใกล้จุดเกิดเหตุ​ เล่าวินาที​ที่ลงไปช่วยเหลือกวาง​ถูกรถชน​ว่า ช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า ตนกำลังเก็บร้าน​ เห็นกวางตัวใหญ่​เพศเมียกระโดดออกมาจากหลังตลาด​ แล้วกระโดดข้ามถนน​ ถูกรถกระบะชน​ 1 ครั้ง​เสียงดัง ตนจึงวิ่งขึ้นไปดูบนสะพานลอย​ เพื่อมองหากวางที่ถูกชน ก็เห็นว่านอนบาดเจ็บอยู่เกาะกลางถนน​ จึงลงจากสะพานลอยแล้วเรียกเพื่อนๆ มาช่วยดูอาการ​ ตั้งใจจะพาออกจากพื้นที่​ พอไปถึงตัวกวางที่บาดเจ็บก็ตกใจ​ กระโดดจากเกาะกลางถนน ถูกรถปิคอัพชนอีก​ 2 ครั้ง​ พวกตนก็ช่วยอุ้มกวางมานอนข้างถนน​ พยายามจะหาทางช่วยเหลือแต่ไม่ทัน เลือดออกปากจมูก​ เสียชีวิตคาที่​ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดแถวนี้ ต่างเสียใจที่เห็นกวางสวย ตัวใหญ่​ ตายคาที่​ หลังจากนั้นคนดูแลกวาง​ก็ตามมา บอกว่ากวางกระโดดหนีออกจากบ้าน​ห่างจากจุดเกิดเหตุ​ประมาณ​ 5 กิโลเมตร​ ตั้งแต่ช่วงเวลา 15:00 น​. หลังจากนั้น​ ก็ออกตามหาสุดท้ายมาเสียชีวิต

ส่วนนางบุญรวม แม่ค้าในตลาดที่เห็นเหตุการณ์ ก็พาทีมข่าวมาชี้จุด​ที่กวางกระโดดข้ามถนนถูกรถชน และเล่าว่าตนกำลังจะเก็บร้าน ก็ได้ยินเสียงร้องตอนแรกยังคุยกับแม่ค้าด้วยกันว่าคงเป็นเสียงหมาโดนรถชนแน่ๆ เพราะมันมืดมองไม่ค่อยเห็น แต่พ่อค้าที่อยู่ใกล้ๆ กัน พากันไปดูปรากฏว่าไม่ใช่หมา แต่เป็นกวางโดนรถชนขณะจะวิ่งข้ามไปเกาะกลาง และพอมันรู้สึกตัวมันก็วิ่งกลับมาจนโดนชนอีกรอบ จากนั้นพ่อค้าแม่ค้าแถวนี้ก็ช่วยกันอุ้มมานอนอยู่ข้างถนน​ แล้วก็ตายไปต่อหน้าต่อตา​ นางบุญรวมยังบอกว่ารู้สึกเสียดายและเสียใจมาก​

ด้านนายดำรง ผู้ดูแลบ้าน เล่าว่า ตนเป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ กวางที่บ้านมีอยู่ 8 ตัว แล้วที่บ้านยังมี ไก่ดำ ควายดำและความเผือกรวมกันอีก 11 ตัว ซึ่งทางเจ้าของบ้านเป็นคนรักสัตว์และชอบเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้จึงชอบซื้อมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน เพื่อเลี้ยงไว้ดูเล่น เมื่อก่อนกวางมีแค่ 4 ตัวเอง แต่มันออกลูกจนตอนนี้ที่บ้านมีทั้งหมด 8 ตัวแล้ว มีคนดูแลในส่วนของสัตว์ 4 คน ตอนที่กวางหลุดออกไปนั้นพวกคนดูแลกำลังดูแลสัตว์อื่นๆ อยู่ ก็ได้ยินแม่บ้านตะโกนบอกว่า กวางหลุดๆ จึงวิ่งไปช่วยกันจับแต่ด้วยตาข่ายที่เป็นเชือกมันขาดจึงทำให้กวางหลุดออกไป และกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาไป ก่อนที่จะมีคนไปช่วยกันจับขึ้นฝั่งและวิ่งออกไปที่ถนนตามที่เป็นข่าว พอเจ้าของทราบเรื่องก็ตกใจมากเพราะเขารักของเขา ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเจ้าของรถทั้ง 2 คัน ทางเจ้าของบ้านเขายินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้

พ.ต.ท.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว ทาง สภ.ชัยพฤกษ์ได้รับแจ้งเหตุเป็นกรณีรถกระบะเฉี่ยวชนกับกวางและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในส่วนของทางรถกระบะก็ได้รับความเสีย ทางด้าน พ.ต.ต.เอกพันธ์ร้อยเวรเจ้าของคดีก็ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ พบว่า เป็นกวางเสียชีวิตอยู่ ภาพที่กล้องหน้ารถพบว่าเป็นกวางที่หลุดออกมาแล้ววิ่งตัดหน้ารถได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน หลังจากทางผู้ดูแลบ้านหลังนี้รู้ก็ได้เดินทางมาแสดงตัวที่โรงพัก จากการสอบปากคำ ทราบว่า กวางตัวนี้ได้หลุดจากตาข่ายแล้วก็วิ่งออกไปด้านหลังบ้าน จากนั้นกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาคนเรือแถวนั้นเขาเห็นก็เลยช่วยกันพาขึ้นมาจากน้ำ พอขึ้นมาได้ปุ๊บเขาก็วิ่งมาหน้าถนนดังกล่าว

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ดูแล และได้รับแจ้งว่าเจ้าของบ้านหรือเจ้าของกวางไปต่างประเทศ และจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวทางพนักงานสอบสวนจะนัดมาสอบปากคำ แล้วก็จะขอดูเอกสารว่ามีใบอนุญาตการครอบครองหรือไม่ มีการการซื้อการขายอย่างไร และซื้อมาจากใคร ซึ่งทาง สภ.ชัยพฤกษ์ ได้ส่งซากกวางไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ แล้ว หากพบว่ามันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองก็จะมีโทษในกรณีที่ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ถ้าเกิดขออนุญาตแล้วก็ต้องตรวจสอบดูก่อนว่ามีใบอนุญาตหรือเปล่า ซึ่งอัตราโทษตาม พ.ร.บ.สัตว์สงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ก็ระบุไว้ว่า หากมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ถ้าหากว่ามีไว้จำหน่ายก็จะมีโทษตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

หลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ทางเจ้าของกวางนำเอกสารมาแสดง และจะต้องส่งไปตรวจที่กรมอุทยานฯ และรอยืนยันเอกสารอีกครั้งหนึ่ง หากมีประเด็นอะไรที่สงสัยอื่นๆ เช่น ว่าอาจจะมีสัตว์ชนิดอื่นอีกหรือไม่ ก็จะขออนุญาตทางเจ้าของบ้านเข้าตรวจค้นอีกครั้งนึง และต้องดูว่าเจ้าของบ้านจะยินดีให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบได้ไหม และต้องประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และเจ้าหนาที่กรมอุทยานเข้าไปตรวจสอบพร้อมกัน เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ดูแลทราบว่า ตอนนี้ที่บ้านยังมี ควายอีก 11 ตัว ไก่ดำไม่ทราบจำนวน และกวาง 8 ตัว รวมตัวที่โดนชนไปเมื่อคืนด้วย