แถลงทั้งน้ำตา! ปู มัณฑนา แจงปมหนี้สิน ยันเหลือแค่ 1.4 ล้าน ย้ำจ่ายคืนแน่ ถามกลับเยียวยาอย่างไร?

ทนายลั่นคืนแน่ แค่ 1.4 ล้าน นัดเจรจาไกล่เกลี่ยอีกรอบ 16 ก.ค.

กรณีมหากาพย์ ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี ทวงเงิน 2 ล้าน ปู มัณฑนา อดีตนางเอกชื่อดัง ขึ้นโรงพักไกล่เกลี่ยกัน แต่คดีส่อยืดเยื้อ

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปู มัณฑนา อดีตนางเอกดัง พร้อม นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ สามี และนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ แถลงเปิดใจขอพูดความจริงเรื่องหนี้สินทั้งหมด

โดยนายประมาณ กล่าวว่า วันนี้ออกมาแสดงความรู้สึกถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เรื่องนี้มาจากเจ้าหนี้ทวงถามลูกหนี้โดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่ทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งที่ปู มัณฑนา จ่ายดอกเบี้ยมาตลอด แต่ล่าสุดผิดนัด ลูกหมีจึงมีการแจ้งความ และทำให้เรื่องไม่เหมือนเดิม ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้เหมือนเดิม ประกอบกับคุณปู ประสบปัญหาโดนโกงที่ดิน และเงินลงทุนขาดมือ รวมถึงที่ดินที่จะขอกู้กว่า 100 ล้านก็โดนโกงไป

"เรื่องโดนโกงไม่มีเหตุไม่ใช่ชำระหนี้ เมื่อตรวจสอบบัญชีระหว่างปูและลูกหมี พบว่าลูกหมีโอนให้คุณปู รวม 4 ล้านบาท ส่วนคุณปูโอนให้คุณลูกหมี 2.6 ล้านบาท ถ้ามีเงินของที่ค้างอยู่ถึง 1.4 ล้านบาท ไม่ใช่ 2 ล้านบาทแน่นอน ฉะนั้นตัวเลขไกล่เกลี่ยถึง 1.4 ล้านบาทไม่ใช่ 2 ล้านบาท" นายประมาณ กล่าว

นายประมาณ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จบ เพราะมีคดีหมิ่นประมาท ใส่ความด้วย ทำให้ไกล่เกลี่ยไม่ได้ มาถึงวันนี้หนี้ 1.4 ล้านบาท ไม่เกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาท ยืนยันใช้คืนแน่นอน แต่ต้องดูรายละเอียดการจ่ายเงินอีกครั้ง โดยจะไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งต้องแยกกับคดีหมิ่นประมาท ซึ่งการจ่ายเงินจะจ่ายเงินเงินก้อน

ย้ำมูลหนี้จริง 1.4 ล้าน ไม่ใช่ 2 ล้าน
ปู มัณฑนา กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันนั้นในห้องไกล่เกลี่ยมีตำรวจ ฝั่งเราและอีกฝั่ง โดยลูกหมีโอเคในเรื่องหนี้ส่วนของ 1.4 ล้าน ก่อนเราจะถามลูกหมีเรื่องที่ทำให้เราเสียชื่อเสียงอย่างไร ลูกหมีก็บอกจะเดินสายออกรายการ เพื่อขอโทษเรา ซึ่งวันนั้นก็บอกจะขอโทษกัน แต่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาบอกไม่เอา 1.4 ล้าน จะเอา 2 ล้านบาท ทั้งที่เรื่องจะจบอยู่แล้ว ซึ่งลูกหมีก็ยอมรับแล้วด้วย

"เรื่องนี้ไม่ได้ลดให้เรา เป็นหนี้ 1.4 ล้านเป็นมูลหนี้จริง แต่ปูไม่รู้มีใครไปบอกให้เริ่มที่ 2 ล้าน ทั้งที่เราก็คุยด้วยดีแล้ว ก่อนที่ลูกหมีจะพูดไปอีกเรื่อง" ปู มัณฑนา กล่าว

ปู ลั่นไม่ขอโทษ เป็นหนี้ก็ใช้คืน
นอกจากนี้ ปู มัณฑนา ยังตอบถึงประเด็นที่ทาง ลิลลี่ เหงียน และคุณลูกหมี อยากให้ออกมาขอโทษนั้น เรื่องนี้ ปู มัณฑนา ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ขอโทษ เป็นหนี้ก็ใช้คืน

ตั้งบริษัทเป็นตัวกลางเจรจาเคลียร์หนี้

ขณะที่คุณหาญส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทันทีที่ทราบเรื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ตั้งบริษัทยู ซัมมิท กรุ๊ป เป็นตัวกลางในการเจรจาหนี้สินในครั้งนี้ หากบุคคลใดที่อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ สามารถนำหลักฐานมาแสดง เพื่อทราบยอดหนี้กับทางเราได้ ยืนยันจ่ายคืนอย่างแน่นอน

"ยูซัมมิท" เตรียมยื่นฟ้อง "ลิลลี่" หมิ่นประมาท
ขณะที่ตัวแทนบริษัท กล่าวว่า พร้อมเป็นตัวกลางในการดำเนินการ โดยจะทำทุกอย่างตามหลักฐาน ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น พร้อมกันนี้ ยังระบุอีกว่า เตรียมดำเนินคดี ลิลลี่ ข้อหาหมิ่นประมาท ที่สน.ทองหล่อ ในวันพรุ่งนี้ (11ก.ค.67) ภายหลังกล่าวหาบริษัทในทางเสียหาย

"ปู" ปัดถังแตก มีทรัพย์สินอื้อ
อย่างไรก็ตาม ปู มัณฑนา กล่าวยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้ถังแตก ซึ่งข่าวที่ลือกันไป ขอยืนยันไม่เป็นความจริง โดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้ ไปคน ก. นัดเจอพร้อมกับลิลลี่ โดย ปู ได้ระบายความในใจเรื่องถูกโกงที่ดิน และอ้างว่า ก. อาสาจะช่วยเดินเรื่องให้ โดยอ้างว่ารู้จักอัยการ โดยเรียก 5 แสนบาท แต่ยอมรับว่าตอนนั้นเพิ่งรู้จักกัน จึงไม่ได้ตกลง จึงบอกปัดไปว่า ไม่มีเงิน เหลือ 14 บาท
โดยกล่าวย้ำว่า ไม่ได้ถังแตก และที่บ้านของสามีมีทรัพย์สินอีกจำนวนมาก

"ปู" สะอื้นไหว้ขอโทษตระกูล "หิมะทองคำ" ทำเสื่อมเสีย

โดยในช่วงการแถลงข่าวเปิดใจ มีบางช่วงบางตอน คุณ ปู ได้ไหว้และกล่าวด้วยเสียงสะอื้น ขอโทษตระกูลหิมะทองคำ ของสามี ที่ทำให้ต้องมาเสียหายในครั้งนี้ ยอมรับตั้งแต่เกิดเรื่อง มีความเครียดอย่างหนัก ต้องทานยาเป็นจำนวนมาก

ประกอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยังส่งผลกระทบต่อลูกด้วย ไม่กล้าที่จะเข้าห้องเรียน จนเสี่ยงถูกตัดสิทธิ์สอบ อีกคนหมดสิทธิ์เรียนรด. เนื่องจากไม่ได้ไปรายงานตัว

ปู ย้ำรักเอ็นดู ลิลลี่ เสียใจพูดแรงรับสะเทือนใจ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถาม ถึงกรณี ลิลลี่ ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรง เรื่องนี้ ปู มัณฑนา กล่าวยอมรับว่า รู้สึกเสียใจที่น้องลิลลี่พูดจารุนแรง เพราะที่ผ่านมา รักและเอ็นดูน้องมาโดยตลอด และน้องไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ โดยก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว ยังไม่ทานอาหาร พูดคุยกันอยู่เลย ไม่รู้ว่าทำไมระยะหลังถึงเป็นอย่างนี้ โดยกล่าวย้ำว่า ความสัมพันธ์กับลิลลี่ ยังรักน้องเหมือนเดิม แต่เรื่องของคดีความก็ต้องเดินหน้าต่อไป