สืบเนื่องจากกรณีชิงทรัพย์ที่กลายเป็นฆาตกรรมสุดโหด ว่าที่ ร้อยโทสุเทพ อายุ 48 ปี ที่มาขับแกร็บเป็นรายได้เสริม ก่อนถูกนายนิพิฐพนธ์ หรือ โอปอล อายุ 26 ปี ฆาตกรในคราบผู้โดยสารใจโหดฆ่าทิ้ง ก่อนเอาศพไปทิ้งเหว แล้วนำรถคนตายขับไปชิงทองภายในร้านทองแห่งหนึ่ง ที่ห้างชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่




ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ค. 2567) ที่ สภ.แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากช่อง 8 ได้มีการนำเสนอข่าวไปเมื่อวานนี้ถึงประวัติการค้นหาในโทรศัพท์ของนายโอปอล ซึ่งมีการค้นหาเกี่ยวกับเรื่อง “ทองโดนน้ำมันแก๊สโซฮอล์จะเป็นอย่างไร ?” ซึ่งทีมข่าวสันนิษฐานว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายโอปอลอาจจะนำทองที่ชิงมาส่วนที่เหลือ ซึ่งตำรวจยังตามไม่พบอีกจำนวน 7 เส้นนั้น จะซุกซ่อนอยู่ภายในตัวถังน้ำมันรถของนายโอปอลเองหลังก่อเหตุเสร็จ เนื่องจากรถเก๋งของนายโอปอลเอง ก็สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ได้ทั้ง 95 และ E20


โดยในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.ภิรมย์ ยศอาลัย สารวัตรเวรสอบสวน สภ.แม่ปิง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ติดตามข่าว และเห็นถึงความเป็นไปได้ที่นายโอปอลอาจจะนำทองที่เหลือซุกซ่อนไว้ในตัวถังน้ำมันรถตัวเอง จึงได้ให้ชุดสืบสวนไปตรวจสอบรถของนายโอปอลอย่างละเอียดอีกครั้ง ตามข้อสงสัยของทีมข่าว รวมถึงตรวจสอบภายในและนอกรถอย่างละเอียดอีกครั้ง




จากการตรวจค้นภายในรถของนายโอปอล พบว่า มีอุปกรณ์ช่างไม่ว่าจะเป็น ไขควง คีมปากนกแก้ว มีดคัตเตอร์ และอาวุธมีดซุกซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังไปพบซองเอกสารคลินิกแพทย์รักษาเวชกรรมแห่งหนึ่งอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจอย่างละเอียดด้านในและนอกรถยังไม่พบทอง แต่ได้ถอดกล้องหน้ารถของนายโอปอลไปตรวจสอบเพิ่มเติม


นอกจากนี้ที่สำคัญตำรวจยังไปพบสลิปการฝากเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งในใบสลิปถูกระบุชื่อผู้ฝาก คือชื่อ นายโอปอล (ฝากเข้าบัญชีตัวเอง) ส่วนเวลาการฝากเงิน คือ วันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 14.37 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่นายโอปอลนำทองไปขาย ยังร้านที่ 3 ใน อ.สันกำแพง จำนวนเงิน 70,000 บาท โดยช่วงเวลาสอดคล้องกัน




ส่วนตัวถังน้ำมันรถ ตำรวจชุดสืบสวนได้เปิดฝาถังและใช้ไฟฉายส่องดูเบื้องต้น พบว่า รถของนายโอปอลสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ แต่จากการเปิดฝาถังน้ำมันดูพบว่า ช่องใส่น้ำมันสามารถนำสร้อยทองใส่เข้าไปซุกซ่อนในถังได้ แต่จะต้องค่อย ๆ ใส่ทีละเส้นจากนั้นทองจะไหลเข้าไปอยู่ภายในถังน้ำมัน แต่เจ้าหน้าที่เมื่อเอาไฟฉายส่องไม่สามารถมองไปถึงในตัวถังน้ำมันได้ เนื่องจากท่อส่งน้ำมันที่เชื่อมไปถึงตัวถังมีลักษณะหักลงไปจนไฟฉายส่องไปไม่ถึง หากจะตรวจสอบทองในถังน้ำมันจริง ๆ จะต้องรื้อถังน้ำมันที่ติดกับตัวรถออกมาชำแหละดู ซึ่งเป็นงานที่ลำบากมาก ๆ


ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปเพิ่มเติมในคืนวันที่ 8 กรกฎาคม วันเกิดเหตุ เป็นคลิปหลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ตามจับกุมตัวนายโอปอล ผู้ก่อเหตุชิงทองในห้างดังได้แล้ว ตำรวจได้ตามไปค้นภายในบ้าน โดยนำตัวไปตรวจค้นที่บ้าน ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงตีสอง โดยมีทีมข่าวช่อง 8 ติดตามไปด้วยในวันนั้น




คลิปที่ 1 เป็นคลิปที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้พยายามค้นหาทองภายในบ้านและนอกบ้านโดยพบว่า 1 ในจุดที่นายโอปอลนำทองไปซุกซ่อนอยู่ด้านบนฝ้าเพดานห้องน้ำในห้องนอนของเจ้าตัวเอง โดยจุดแรกพบจำนวน 3 เส้น (ไม่รู้น้ำหนัก) ส่วนคลิป 2 เป็นคลิปที่เจ้าหน้าที่ได้ปีนมุดเข้าไปบนฝาเพดานใต้หลังคาบ้าน และพบทองอีกจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านบน


ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดร้านทองที่ 3 ใน อ.สันกำแพง โดยจะพบว่า ในเวลา 14.23 น. จะเห็น นายโอปอลได้ขับรถมาจอดริมถนน และเดินเข้าไปภายในร้านทองเพื่อนำทองไปจำนำ จากการตรวจสอบพบว่า โอปอลจำนำสร้อยข้อมือน้ำหนัก 2 บาท ได้ราคา 70,000 บาท จากนั้นเวลา 14.28 น. เจ้าตัวได้เดินออกจากร้าน และเดินตรงที่รถของตัวเองขับมุ่งหน้าไปยังร้านทองที่ 4 ใน อ.ดอยสะเก็ด




ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ตรวจสอบต่อว่าเงินจำนวน 70,000 บาท ที่นายโอปอลได้รับจากการจำนำทอง เจ้าตัวนำเงินไปฝากที่ไหน ตามข้อมูลใบสลิปฝากเงินจากการตรวจสอบพบว่า หลังจากนายโอปอลขับรถออกจากร้านทอง และแวะฝากเงินที่ได้จากการจำนำทองทันที ที่เอทีเอ็มธนาคารแห่งหนึ่ง ห่างจากร้านทองที่จำนำเพียง 200 เมตรเท่านั้น




ต่อมาทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ร้านทอง ในพื้นที่อำเภอสันกำแพง ซึ่งเป็นร้านทองที่ 3 ที่นายโอปอลได้นำทองไปจำนำ โดยร้านทองนี้ นายโอปอลนำทองไปจำนำได้เงินไปทั้งหมด 70,000 บาท จากการสอบถามพนักงานในร้าน ให้ข้อมูลว่า นายโอปอลเข้ามาที่ร้าน โดยนำทองเส้นละ 2 บาท มาจำนำ ทำให้พนักงานไม่เห็นความปกติ อาจจะเกิดจาก นายโอปอลได้บทเรียนมาแล้วว่า สร้อยทอง 10 บาท ร้านทองจะไม่ค่อยรับ เพราะดูมีพิรุธและโดนปฎิเสธมาแล้ว 2 ร้าน นายโอปอลจึงเปลี่ยนแผนลองนำสร้อยที่ทองที่มีน้ำหนักไม่มาก มาทยอยขายแทน ซึ่งระหว่างการซื้อขาย นายโอปอลไม่ได้พูดอะไรกันมาก และไม่ได้บอดว่าได้ทองมาจากไหน ใครให้เอามาขาย เมื่อได้เงินจากการจำนำทองแล้ว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เจ้าตัวก็ออกจากร้านไปทันที


ด้านนายสุรเดช อายุ 72 ปี เจ้าของร้านทองย่านกาดหลวง เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า ในส่วนประเด็นทองโดนน้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้น ไม่มีทางแปรสภาพอย่างแน่นอน เพราะทองอย่างไรก็เป็นทอง ไม่ว่าจะโดนอะไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ทั้งความร้อน น้ำ หรือน้ำมัน ต่อให้แช่เป็นระยะเวลานาน กี่เดือน กี่ปี ก็ยังคงสภาพเดิม ยกเว้นนำไปแช่สารปรอทก็จะทำให้ทองเปลี่ยนเป็นสีขาว เพราะมีสารของปรอทมาเคลือบ แต่เมื่อขัดออกก็ยังเป็นทองสภาพเดิม สิ่งเดียวที่ทำให้ทองหลอมได้ คือความร้อนระดับ 400 องศาเซลเซียส


เช่นเดียวกัน แม้ทองจะถูกทิ้งไว้ในน้ำหรือแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝนหรือแม้แต่น้ำกรด ก็ไม่สามารถทำลายทอง หรือทำให้ทองแปรเปลี่ยนสภาพได้ เพราะทองอย่างไรก็เป็นทองวันยังค่ำ ยังคงมีมูลค่าในตัวเสมอ และยังคงสภาพเดิม แม้กระทั่งสวมใส่เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้หมองบ้างจากคราบเหงื่อ คราบขี้ไคลบนตัว แต่เมื่อนำมาขัดหรือล้างก็คงกลับสภาพเดิม




โดยร้านทองของตนนั้น คือร้านที่ผู้ก่อเหตุนำทองมาขายขณะเกิดเหตุ ตนทราบข่าวว่าร้านทองจากห้างดังโดนปล้น ขณะเดียวกันทางด้านผู้ก่อเหตุก็เดินเข้ามาในร้านเพื่อนำทองมาขายพอดี โดยก่อนหน้านี้เข้าไปขายมาก่อนแล้วสองร้าน แต่ทั้งสองร้านไม่รับซื้อเพราะเจอพิรุธ ร้านทองสองร้านแรกจึงโทร. มาแจ้งตน เพราะร้านทองภายในเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะรู้จักกันหมด และมีกลุ่มไว้พูดคุยกัน ว่าพบชายคนหนึ่งกล่าวมาขายทองในร้าน เส้นใหญ่มาก แต่กลับบอกว่ามีน้ำหนักเพียง 8 บาท เมื่อช่างน้ำหนักพบว่าทองหนักกว่า 10 บาท จึงพบพิรุธด้วยชายดังกล่าวแจ้งน้ำหนักทองไม่ตรงกัน อีกทั้งที่ตะขอทองมีตราสัญลักษณ์ของร้านทองที่ขโมยมา ซึ่งเพิ่งมีข่าวว่าโดนปล้น


เมื่อทางด้านชายคนดังกล่าวเดินเข้ามาขายในร้านของตน แจ้งตนว่าทองหนัก 10 บาท แต่ตนได้ข้อมูลมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าชายคนดังกล่าวแจ้งข้อมูลผิด จึงพบพิรุธ จากนั้นจึงให้เบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะสามารถรวบตัวได้ ทั้งนี้ ทางด้านเจ้าของร้านทองยังสาธิตให้ทีมข่าวดู ด้วยการนำแหวนทองบริสุทธิ์ของทางร้าน แช่ลงไปในแอลกอฮอล์ พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้จะนำทองคำแท้บริสุทธิ์ ลงไปแช่ในแอลกอฮอล์ ทองก็ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ยังเป็นสภาพเช่นเดิม




ทีมข่าวช่อง 8 ได้ทำการทดลองนำสร้อยคอทองคำจำนวน 1 เส้น ลงไปแช่ในน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 โดยทันทีที่ได้นำสร้อยคอทองคำลงไปแช่ในน้ำมันเบนซินให้ท่วม ปรากฏว่าสร้อยทองนั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรต่อน้ำมันเบนซิน ทีมข่าวจึงได้ทำการจับเวลาเอาไว้ทั้งสิ้น 10 นาที ซึ่งจากการดูด้วยตาเปล่าก็ไม่ได้พบกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อใช้มือเปล่าหยิบสร้อยคอทองคำขึ้นมาสำรวจอย่างละเอียดก็ไม่ได้พบกับความผิดปกติหรือความเสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่ตัวสร้อยคอนั้นจะมีความเย็นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย


จากนั้นนักข่าวก็ได้นำสร้อยคอเส้นดังกล่าวไปทำความสะอาดกับน้ำยาล้างจาน ซึ่งก็ทำการล้างอยู่ 2-3 ครั้ง ปรากฏว่าน้ำมันเบนซินก็ถูกชำระล้างไปกับน้ำเปล่าโดยไม่ได้ทิ้งคราบเอาไว้แต่อย่างใด สร้อยคอทองคำก็ไม่ได้เกิดการชำรุดเสียหาย จะมีก็แต่กลิ่นของน้ำมันเบนซินที่ยังคงติดอยู่กับสร้อยคอเส้นดังกล่าวเท่านั้น


นอกจากนี้ ทางทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับ นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ กูรูรถยนต์ ในประเด็นมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ นายโอปอล ผู้ต้องหา อาจนำทองไปไว้ใส่ในถังน้ำมันของรถยนต์เป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า สามารถทำได้ คือ การเอาทองใส่ไปในถัง ถ้ามันไม่ใหญ่ขนาดใส่ในท่อน้ำมันได้ และการนำออกมัน คือ การต้องเอาจากท่อ ด้วยวิธีการ หาอะไรคม ๆ มาฟันท่อน้ำมัน ถ้าเอาอะไรดูด มันจะค่อนข้างยากเพราะตัวถังมันจะมีความขดเลี้ยว




หรือถ้าจะมองว่า ความร้อนของน้ำมันในรถ ถังที่ขับขี่อยู่หรือค้างความร้อนจะทำให้หลอมละลายนั้น เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะน้ำมันยี่ห้ออะไร หรือรถรุ่นไหน ความร้อนก็ไม่มีทางจะละลายทองได้แน่นอน เพราะถ้าความร้อนที่ละลายทองได้ ต้องมีความร้อนที่สูง และความร้อนนั้น คือ สามารถทำรถระเบิดเท่านั้น


ดังนั้นสิ่งที่มีการคาดเดา ไม่สามารถละลายไปได้ แต่ถ้าถามว่าสามารถเอาใส่ในท่อน้ำมันได้หรือไม่ ยืนยันว่าได้ แต่จากการตามข่าว ตนเชื่อว่าเขามีการวางแผนอย่างดี คงไม่ได้เอาไปใส่ท่อน้ำมัน เพราะเอาจริงรถยนต์ 1 คัน สามารถเอาทองซ้อนได้หลากหลาย ไม่ว่าการยกเบาะออกหรือตามกันชน หรือใต้ท้องรถที่มีล่องรูต่าง ๆ เอาทองรอยกับลวดและค่อย ๆ สอดถามรูรถก็ได้ และเอาออกง่ายกว่ากันเยอะเพราะการเอาทองใส่ในถังน้ำ การนำออกโดยไม่ต้องเสียตัวถังน้ำมันนั้น มันยุ่งยากพอ ๆ กับเอาทองใส่ในหม้อน้ำ มันก็ไม่มีทางหลอมละลายได้เช่นกัน หรือตัวถังร้อน ๆ เท่าไรก็ไม่มีทางละลายได้เช่นกัน กล้ายืนยันเลย




อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พ่อและแม่ของโอปอล ผู้ต้องหาฆ่าชิงรถแล้วไปชิงทองที่เชียงใหม่ ไปที่วัดช่อแลพระงาม ต.ช่อแล อ.แม่แตง เพื่อกราบขอขมาครอบครัวว่าที่ร้อยโทสุเทพ และขออโหสิกรรมแทนลูก โดยทันทีที่พ่อและแม่ของนายโอปอลไปถึงที่วัดก็เข้าไปที่ศาลาที่ตั้งศพตรงเข้าไปหา ดร.กฤษณา พี่สาวของว่าที่ร้อยโทสุเทพ จากนั้นพ่อโอปอลก็นั่งคุกเข่า แล้วก้มลงกราบไปที่ตักของพี่สาวผู้ตายแล้วก็ร้องไห้ตลอดเวลา กล่าวขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


โดยที่มาวันนี้เพื่อต้องการแสดงเจตนาบริสุทธิ์และขอขอมา ขออโหสิกรรม ในสิ่งที่ลูกชายได้กระทำไปในครั้งนี้ ขออโหสิกรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกชายให้เป็นคนดีได้ ที่ผ่านมาพยายามที่จะส่งเสริมและเลี้ยงลูกให้ดีมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่คิดว่าลูกชายจะมาก่อเหตุแบบนี้ รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากจะขออโหสิกรรมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ต้องมาสูญเสียคนดี ๆ แบบนี้ไป ไม่มีใครอยากเลี้ยงลูกให้เป็นคนไม่ดี




ขณะที่พี่สาวของผู้ตาย บอกว่า คำว่าอโหสิกรรมสำหรับตนแล้ว มันลึกซึ้งเกินไปมนุษย์อย่างตน คงเข้าถึงคำ ๆ นี้ได้ยาก หากจะขออโหสิกรรมก็ให้คุณพ่อและแม่ ไปกล่าวคำนี้ต่อหน้าโลงศพของน้องชายแทนก็แล้วกัน จากนั้น ทั้งพ่อและแม่ของโอปอลก็เดินจุดธูปที่หน้าโลงศพของว่าที่ร้อยโทสุเทพเพื่อกล่าวคำขออโหสิกรรม เผยว่า ขอให้อโหสิกรรมให้กับโอปอลด้วย เพราะโอปอลฝากขออโหสิกรรมและแสดงความเสียใจมา จนอยากเลี้ยงลูกไห้ดี แต่ก็ไม่คิดว่าลูกจะเป็นแบบนี้


จากนั้นทั้งสองก็กลับมาร่ำลาพี่สาวอีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณที่ครอบครัว ยอมให้พวกตนมางานในวันนี้ และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากไปกราบขอโทษ แม่ของว่าที่ร้อยโทสุเทพที่บ้านสักครั้งหนึ่ง ซึ่งพี่สาวก็บอกว่า มันเป็นสิทธิ์ที่พ่อและแม่ จะมาร่วมงานได้ เพราะทั้ง 2 คน ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่หากจะไปที่บ้านเพื่อพบแม่คงไม่สะดวกเพราะแม่ยังทำใจไม่ได้




จากนั้น พ่อและแม่ของโอปอล ก็ไปไหว้ลาอดีตภรรยาผู้ตายและลูกชายวัย 15 ปี ที่เดินทางมาจากจังหวัดระยอง ก่อนจะเดินทางกลับ มีการพูดคุยกล่าวคำขอโทษ กลับทางด้านลูกชายผู้ตาย ว่าขอโทษกับการกระทำของลูกชายตน หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร หรือตนเดินทางไปพื้นที่ใกล้ จ.ระยอง ก็สามารถติดต่อมาได้ เผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือกัน พร้อมทั้งมีการแลกเบอร์มือถือกันด้วย




โดยพ่อของของโอปอล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า วันนี้เกือบไม่ได้เดินทางมาขอขมาศพแล้ว เนื่องจากว่าแม่ของผู้ตายเครียดต้องไปหาหมอเกือบต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว แต่ตนคิดว่าตั้งใจแล้วให้แม่ต้องมาให้ได้ซึ่งตั้งใจจะมาหลายวันแล้วแต่คดียังไม่เสร็จเมื่อมีโอกาสก็เลยต้องรีบมาต้องขอบใจทางครอบครัวของผู้ตายด้วย ที่ให้มีโอกาสมากราบขอขมา-ขออโหสิกรรม ถึงแม้เขายังไม่รับทั้งหมด เพราะรู้ว่าเขายังเสียใจเราเข้าใจแต่ก็ยังดีที่มาขออโหสิกรรมกับผู้ตาย โดยโอปอลเมื่อวานได้พูดคุยผ่านโทรกับพ่อก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ก็บอกพ่อว่าฝากดูแลแม่กับน้องดี ๆ และฝากกราบศพพี่เขาแทนโอปอลด้วย เราก็เลยฝากเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลเขาหน่อยกลัวลูกคิดมาก

 

กูรูฟันธง! ทองไม่ละลายในน้ำมัน ช่อง 8 พิสูจน์รถ "โอปอล" ล่าความจริงทองหายไปไหน?!