"สนธิญา"บุกร้องป.ป.ช.สอบจริยธรรม "หมอเกศกมล" ปมวุฒิการศึกษา แนะลาออกคลี่คลายสถานการณ์

นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร และอดีตผู้สมัคร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบการทำผิดจริยธรรมร้ายแรงของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.คะแนนอันดับ 1 ที่มีปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษา และไม่ได้มีการรับรองในประเทศไทย

นายสนธิญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เพิ่งทราบว่า พญ.เกศกมล เคยอยู่ในคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของรัฐสภาชุดที่แล้ว ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดเดียวกันกับที่ตัวเองเคยอยู่ แต่ที่ผ่านมาขณะทำงานตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อของ พญ.เกศกมล มาก่อน

ส่วนประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษาที่ได้มาจาก California University FCE ซึ่งเป็นบริษัทที่รับเทียบโอนคุณวุฒิ ไม่ได้มีการรับรองตำแหน่งทางวิชาการตามกฏหมายไทย วันนี้ตนจึงมายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบในส่วนของจริยธรรมร้ายแรง เพราะการที่นำวุฒิดังกล่าวไปยื่นใส่ใบข้อมูลคุณสมบัติ สว.2 หรือ สว.3 กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง สว. ถือว่าผิด พรป.มาตรา 77(4) จูงใจให้บุคคลเข้าใจผิดในคุณสมบัติ

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนกำลังศึกษาต่ออยู่ในระดับปริญญาโท ในประเทศไทยซึ่งได้สอบถามทาง กกต.ว่าสามารถลงคุณสมบัติส่วนนี้ได้หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบกลับว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นต้องย้อนกลับมาดูว่าการที่พญ.เกศกมล นำวุฒิการศึกษาไปลงในลักษณะนี้เจตนาเป็นอย่างไรและได้ประโยชน์หรือไม่ และทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ข้อมูลว่ามีผู้สมัครจากจังหวัดขอนแก่นรายหนึ่ง บอกกับตนว่าลงคะแนนเลือก พญ.เกศกมล เพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติทางการศึกษาเหมาะที่จะเป็นสมาชิกวุฒิสภา

"ถ้าวุฒิการศึกษาที่จบมาจากต่างประเทศของ พญ.เกศกมล ใช้ในทางส่วนตัวสามารถทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่นำไปใช้ประโยชน์ในทางราชการจะถือว่าขัดต่อกฏหมายแน่นอน" นายสนธิญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการแถลงข่าวชี้แจงของพญ.เกศกมล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีการกล่าวอ้างว่าได้ส่งหนังสือไปถึง กกต.เพื่อสอบถามแล้วว่าสามารถใส่วุฒิการศึกษาลงในการสมัคร สว.ได้หรือไม่ ซึ่งทาง กกต.อนุญาตให้ใส่ได้ในส่วนของคุณสมบัติประสบการณ์นั้น นายสนธิญา มองว่า สิ่งสำคัญคือคุณวุฒิตำแหน่งศาสตราจารย์ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ทางการไทยไม่รับรอง แต่กลับนำไปใช้ในการเลือกตั้ง สว. แค่นี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้องแล้ว

ขณะเดียวกันทนายความและกลุ่มคนที่ไปแถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว หากมีความชัดเจนว่าสิ่งที่แถลงข่าวไม่เป็นความจริง ก็จะเข้าข่ายนำข้อความอันเป็นเท็จลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตัวเองเตรียมจะร้องกองบัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบเอาผิดเรื่องนี้ภายในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามในส่วนของการร้องป.ป.ช.นอกจากจะให้ตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรง จะนำหลักฐานที่มีส่งให้ทาง ป.ป.ช.ไต่สวนพิจารณาวินิจฉัยและส่งศาลฎีกา ซึ่งส่วนตัวมองว่าหาก พญ.เกศกมล ลาออกจากการเป็นสว. สถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายไป