เมื่อเวลา 12.40 วันที่ 24 ก.ค. 2567 พ.ต.ท.ลิขิต ชุมช่วย สว.สอบสวน สภ.เคียนซา รับแจ้งเหตุยิงกันตาย หมู่ที่ 5 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อานุภาพ จันดิถวงค์ ผกก.สภ.เคียนซา พฐ. 8 มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี โดยที่เกิดเหตุ บริเวณลำคลอง บ้านหารดำ บริเวณริมคลองพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือ นายวันชัย อายุ 39 ปี สภาพใส่ชุดทำสวน สะพายเป้และมีมีดพร้า จำนวน 1 ด้าม มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ลำตัว ไม่ต่ำกว่า 3 นัด เข้าที่กลางลำตัวด้านหน้า




ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พบว่าเวลา 8.38 น. ของวันนี้ (24 ก.ค.) กล้องวงจรปิดจะสามารถบันทึกภาพนายไข่ เพื่อนของนายวันชัย ผู้เสียชีวิต ขี่รถจักรยานยนต์มารับนายวันชัยที่บ้านของนางกุ้ง ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะนายไข่จะขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนายวันชัยเป็นคนซ้อนออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว แล้วมุ่งหน้าไปซื้อของที่ตลาดในเวลา 8.39 น.




จากนั้นเวลา 08.40 น. จับภาพรถจักรยานยนต์นายไข่เป็นคนขี่ และนายวันชัยเป็นคนซ้อน เพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาด และเวลา 09.05 น. นายไข่กลับจากตลาดแล้วมาส่งผู้เสียชีวิตที่บ้านญาติ กระทั่งเวลา 09.10 น. นายไข่ขี่รถออกจากบ้าน ญาติของผู้เสียชีวิต หลังจากที่ส่งผู้เสียชีวิตถึงบ้านแล้ว




ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายไข่ เพื่อนของนายวันชัย ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเช้าวันนี้ตัวเองเจอกับผู้ตายครั้งสุดท้าย ตอนที่ตัวเองพาผู้ตายขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของที่ตลาดเวลาประมาณ 08.00 น. หลังจากนั้นตัวเองก็ไม่ได้เจอกับผู้ตายอีกเลย ซึ่งคาดว่าผู้ตายน่าจะขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไปที่จุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง ก่อนที่ตัวเองจะมาทราบข่าวว่าเขาถูกยิงเสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันนี้ (24 ก.ค.) ตัวเองก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




ตัวเองยอมรับว่าผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวกับการลักขโมยปาล์มน้ำมันของชาวบ้าน แต่ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาไปก่อเหตุดังกล่าว เพราะตัวเองแค่มาเจอกันตอนที่รับ-ส่งกัน และไปมาหาสู่กันแค่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าปมที่ผู้เสียชีวิตถูกฆ่าครั้งนี้มาจากเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นเขามีศรัตรูหรือมีอริที่ไหนมาก่อน ยืนยันว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายวันชัยแน่นอน


นอกจากนี้วงจรปิดจับภาพผู้ตายขี่รถออกจากบ้านตอน 9.56 น. ก่อนไปโดนยิง ส่วนภาพอีกมุมตั้งแต่ 09.56 น. เป็นต้นไป จะเห็นนายวันชัย ผู้เสียชีวิต ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเพื่อไปยังสวนที่เกิดเหตุ ก่อนที่เวลา 10.31 น. ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะเป็นวินาทีที่นายวันชัยถูกยิง โดยมีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด




ล่าสุดตำรวจได้เชิญตัวนายไข่ เพื่อนของผู้เสียชีวิต ที่ขี่รถให้ผู้เสียชีวิตนั่งซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ก่อนเกิดเหตุ ไปสอบปากคำที่โรงพัก คาดว่าตำรวจน่าจะสอบถามเรื่องไทม์ไลน์ที่เจอกับผู้เสียชีวิต รวมถึงเรื่องอื่น ๆ เนื่องจากนายไข่เป็นเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นมีบาดแผลจากการถูกยิงที่ หน้าอก 1 แผล ต้นแขนขวา 2 แผล และพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. 3 ปลอก


ขณะที่ทีมข่าวเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ พบรังต่อขนาดเล็ก อยู่บนต้นไม้ใกล้กับจุดที่ผู้เสียชีวิตเจอเป็นศพอีกด้วย ซึ่งตามข้อมูลของภรรยาผู้เสียชีวิตบอกว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมาหาตัวต่อ กระทั่งถูกยิง นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังขนำของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งระหว่างทางก่อนจะถึงขนำก็ยังพบทะลายปาล์มจำนวน 3 ทลาย ซึ่งยังไม่แน่ใจว่า ปาล์มดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิตหรือของกลางที่ไปขโมยมา




ทีมข่าวพูดคุยกับนางพัชจรี อายุ 53 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนเกิดเหตุนั้นตัวเองอยู่ที่ขนำซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่สามีถูกยิงประมาณ 200 เมตร ส่วนสามีก็มาหาตัวต่อที่บริเวณจุดเกิดเหตุ กระทั่งตัวเองได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 - 5 นัด ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าสามีถูกยิง คิดว่าเสียงปืนคนอื่นที่ยิงสัตว์หรือไม่ กระทั่งตัวเองมารู้ในภายหลังว่าสามีถูกจะเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็เดินทางมาที่เกิดเหตุแต่ก็ไปดูศพสามีเพราะทำใจไม่ได้




ส่วนปมในการก่อเหตุนั้น ตัวเองก็มุ่งเน้นไปเกี่ยวกับเรื่องการลักขโมยปาล์มในพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีปาล์มน้ำมัน และมีปลาในอวนของชาวบ้านจำนวนหลายราย คนได้สูญหายไป แล้วพวกเขาก็มีการกล่าวหาสามีว่าเป็นคนขโมย แต่พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดว่าสามีเป็นคนทำจริง ๆ ตัวเองจึงคิดว่าด้วยสาเหตุนี้หรือไม่ที่สามีถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งหากสามีตัวเองไปขโมยตามมาจริง ๆ เขาก็ต้องมีเงินใช้จำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ได้นำเงินจำนวนนั้นมาให้ตัวเองเลยแม้แต่บาทเดียว เขายังหาเช้ากินค่ำปกติ


ส่วนผลปาล์มจำนวนหนึ่งที่ถูกพบในสวนของตัวเองนั้น ก็ยืนยันว่าเป็นผลปาล์มของตัวเองที่เพิ่งไปตัดมา ไม่ได้เป็นผลปาล์มของคนอื่นที่สามีไปขโมยมาแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าสามีเคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ตัวเองก็อยากให้เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากเขามีพฤติกรรมการก่อเหตุที่โหดเหี้ยม




จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และตรวจสอบที่เกิดเหตุ กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เคียนซา ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี บ้านหลังนี้มีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นบ้านของผู้ต้องสงสัย และเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของ หมู่ 5 หมู่บ้านที่เกิดเหตุอีกด้วย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มีการตรวจสอบลายนิ้วมือบริเวณรถจักรยานยนต์ คันสีน้ำเงิน กับรถกระบะ 4 ประตู คันสีขาว


ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางแหลม ภรรยาของเจ้าของบ้าน หลังที่ตำรวจมาค้นให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองเจอสามีล่าสุดคือช่วง 8 โมงเช้าของวันนี้ และได้มีการพูดคุยทักทายก่อนที่ตัวเองจะออกไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากกลับมาก็ไม่เจอสามีอยู่ที่บ้านแล้ว ส่วนบริเวณจุดเกิดเหตุสามีไม่เคยมีที่ดินหรือสวนปาล์มอยู่แถวนั้น แต่ยอมรับว่าสามีเคยมีปัญหากับผู้เสียชีวิตเรื่องเกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน เพราะนิสัยของผู้เสียชีวิตจะเป็นคนชอบลักขโมย แต่ตัวเองไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อสามีได้ โดยระหว่างที่ภรรยาของผู้ต้องสงสัยกำลังพูดถึงประเด็นเรื่องสวนปาล์ม ลูกชายของเธอได้เข้ามาขอนักข่าว บอกว่าไม่อยากให้สัมภาษณ์แม่ ก่อนที่จะมาดึงตัวภรรยาของผู้ต้องสงสัยออกไป

 

หนุ่มถูกดักฆ่าหมกป่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหายตัวปริศนา