จากกรณีคลิปดังในสื่อโซเชียล หลังเพจ เจ๊มอย v+ โพสต์คลิปเหตุการณ์เกิด 24 ก.ค. 2567 เวลา 09.30 น. ขณะที่หญิงคนหนึ่ง กำลังเกาะหน้ากระโปรงรถเก๋ง สีขาว หลังจากก่อเหตุเฉี่ยวชนรถกระบะแคปตู้ทึบของนางสาวเปิ้ล (นามสมมติ ) ผู้เสียหาย ก่อนจะขับหนีไป จนนางสาวเปิ้ลต้องขับไล่ตาม กระทั่งรถผู้ก่อเหตุจะติดไฟแดง จากนั้นนางสาวเปิ้ลจึงเรียกผู้ก่อเหตุลงมาเจรจา แต่ผู้ก่อเหตุกลับขับรถพุ่งออกไป โดยมีนางสาวเปิ้ลเกาะติดหน้ารถ ตามคลิปดังกล่าวนั้น




ล่าสุด (25 ก.ค. 2567) ทางทีมข่าวช่อง 8 พบภาพวงจรปิด ขณะที่นางสาวเปิ้ล ผู้เสียหาย ขับรถไล่ตามผู้ก่อเหตุมา จากหน้าโรงพยาบาลราชวิถี มุ่งหน้าเข้าถนนราชวิถี ก่อนเกิดเหตุกระโดดเกาะหน้ารถ โดยผู้ก่อเหตุพยายามหลบหนี จนสุดท้ายขับรถมุ่งหน้าขึ้นทางยกระดับบางพลัด ก่อนหลบหนีไป




โดยภาพจากกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย มุมที่ 1 และมุมที่ 2 เวลา 09.23 น. พบว่าด้านนางสาวเปิ้ล ขับรถกระบะมาตามเส้นทางปกติ กำลังมุ่งหน้าเข้าถนนราชวิถี ผ่านหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ในจังหวะต่อมารถเก๋งของผู้ก่อเหตุ ขับเบียดเข้ามาเลนขวาสุด จึงทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันบริเวณด้านข้าง หลังจากนั้นนางสาวเปิ้ลพยายามตะโกนให้ผู้ก่อเหตุจอดรถหลบข้างทาง และกล้องมุมที่ 2 นางสาวเปิ้ลได้ตะโกนเรียกให้ผู้ก่อเหตุจอดรถ จากนั้นนางสาวเปิ้ลลงจากรถไป พร้อมกับไปคุยกับผู้ก่อเหตุข้างทางว่า “ให้จอดรถ ชนแล้วทำไมถึงหนี” ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถ เพราะคิดว่าผู้ก่อเหตุจะจอดจริง แต่สุดท้ายผู้ก่อเหตุดันขับรถหนีไปต่อ




จากนั้นกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย มุมที่ 3 เวลา 09.24 น. พบว่า นางสาวเปิ้ลพยายามขับรถไล่ตามผู้ก่อเหตุ และมีการตะโกนให้จอดรถตลอด ต่อมาด้านผู้ก่อเหตุขับรถมุ่งหน้าสะพานยกระดับบางพลัด ผ่านบริเวณถนนราชวิถี โดยนางสาวเปิ้ลได้ขับรถไล่ตามอย่างต่อเนื่อง ส่วนกล้องหน้ารถมุมที่ 4 เวลา 09.29 น. ขณะที่นางสาวเปิ้ลผู้เสียหายขับรถไล่ตามผู้ก่อเหตุ จากนั้นนางสาวเปิ้ลเดินลงไปจากรถ บริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนราชวิถี และมีการถามไถ่และเจรจากับผู้ก่อเหตุ ก่อนที่ทางด้านผู้ก่อเหตุจะรีบขับรถหนี โดยมีผู้เสียหายเกาะติดหน้ารถไปด้วย




และภาพวงจรปิดมุมที่ 5 และ 6 บันทึกภาพหลักฐานเวลา 09.30 น. พบว่า นางสาวเปิ้ลกระโดดเกาะหน้ารถของผู้ก่อเหตุมา ตลอดเส้นทาง โดยผู้ก่อเหตุขับรถด้วยความเร็ว ผ่านถนนราชวิถี รอบข้างรถจะเห็นไรเดอร์และพลเมืองดีขี่รถไล่ตามโดยรอบ จากนั้นเวลา 9.33 น. บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ (ถนนราชวิถี) จะเห็นลักษณะรถคนก่อเหตุขับหนีด้วยความเร็ว มุ่งหน้าขึ้นสะพานยกระดับบางพลัด เพื่อไปยังถนนบรมราชชนนี

 


ด้านนางสาวเปิ้ล (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า จุดเริ่มต้นคือผู้ก่อเหตุมาชนท้ายรถกระบะของตน บริเวณหน้าโรงพยาบาลราชวิถี ตนจึงพยายามเปิดกระจกตะโกนเรียกให้จอดรถข้างทาง ทางผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมจอดรถและลดกระจกลง ตนจึงขับรถปาดหน้าให้ผู้ก่อเหตุจอด หลังจากนั้นตนจึงลงไปคุยกับทางด้านผู้ก่อเหตุ โดยผู้ก่อเหตุบอกกับตนว่า กำลังจะเข้าไปจอดข้างทางอยู่แล้ว ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุจะจอดจริงจึงเดินกลับขึ้นรถ ในขณะเดียวกันด้านผู้ก่อเหตุกลับขับรถหนีไป


ตนจึงตัดสินใจขับรถไล่ตามไปจนถึงไฟแดงตามคลิปดังกล่าว เมื่อตนลงไปเจรจาทางฝั่งผู้เหตุลงมาแค่แป๊บเดียว จากนั้นก็เดินขึ้นรถไปอีก ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนี โดยขณะนั้นตนยังยืนอยู่บริเวณหน้ารถ จึงทำให้ของตนติดไปกับกระโปรงหน้ารถด้วย ตนจึงทำได้แค่การเกาะหน้ากระโปรงรถไป เพราะวินาทีนั้นไม่รู้จะหลบไปทางไหน ระหว่างที่รถวิ่งไปขณะนั้น คิดว่าอย่างไรก็คงไม่รอดแล้ว คิดว่าต้องตายแน่ ๆ ตนพยายามตะโกนเรียกให้คนช่วย ทางฝั่งผู้ก่อเหตุพยายามจะขับหนีอย่างเดียว




เบื้องต้นจากลักษณะภายนอก ผู้ก่อเหตุดูไม่น่าจะมีอาการเมา แต่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมถึงมีพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้งมีการตะโกนบอกและชี้หน้าว่า “ไม่ชอบตน” ตนเองก็งงว่าไปทำอะไรให้ เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนเคาะกระจกเรียกผู้ก่อเหตุ เขาก็ตะโกนบอกว่า “พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” จากคลิปดังกล่าวตนต้องขอขอบคุณไรเดอร์เป็นอย่างมาก เพราะไรเดอร์ในคลิปช่วยกันอย่างเต็มที่พร้อมกับพลเมืองดี ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ตนคงได้รับอันตรายมากกว่านี้แล้ว


เบื้องต้นอยากให้ผู้ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวเป็นอันตรายต่อคนใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้ทางด้านผู้ก่อเหตุขับรถบนท้องถนนอีกแล้ว ในส่วนของอาการบาดเจ็บนั้น มีเพียงรอยช้ำและรอยระบมตรงหัวเข่าเพียงเท่านั้น แต่ด้วยตนห้อยและศรัทธาหลวงปู่ทวด จึงทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย


ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามดำเนินการ รวมทั้งหาผู้กระทำความผิดมารับโทษโดยเร็วที่สุด ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้ รถกระบะของนางสาวเปิ้ล ได้รับความเสียหายบริเวณกระบะส่วนข้างบนล้อหลังมีรอยขูด เกิดจากแรงกระแทก อีกทั้งมีรอยสีถลอกบริเวณกันชนรถส่วนหน้า เกิดจากแรงกระแทกขณะที่นางสาวเปิ้ลขับรถปาดหน้าผู้ก่อเหตุ




ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับพลเมืองดีที่ถ่ายคลิปที่ปรากฏในโซเชียล โดยบอกกับทีมข่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุตนได้ไปส่งอาหารและรถติด จากนั้นตนได้พบกับนางสาวเปิ้ลและรถเก๋งสีขาวกำลังมีปากเสียง และนางสาวเปิ้ลได้เกาะกระโปรงรถของรถเก๋งสีขาว รถคนก่อเหตุได้หักขวาเพื่อที่จะหลบหนี จากนั้นนางสาวเปิ้ลได้กระโดดขวางรถโดยเกาะอยู่บริเวณกระโปรงรถเพื่อไม่ให้คนก่อเหตุหลบหนี รถคนก่อเหตุได้ขับผ่านผู้ที่สัญจรอยู่บริเวณนั้น โดยได้มีการชนกับรถมอไซค์ข้าง ๆ ด้านนางสาวเปิ้ลได้พยายามตะโกนบอกว่าช่วยด้วยมีคนชนแล้วหนี ทำให้ตนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปที่กำลังปรากฏลงในโซเชียล


ส่วนตัวมองว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันตรายมากกลัวคนอื่นจะได้รับอันตราย ไม่ควรมีความรุนแรงควรใจเย็น ๆ หากมีปัญหาอะไรควรพูดคุยกัน ส่วนตัวที่กล้าตัดสินใจถ่ายคลิปตอนแรกก็ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครเลยตัดสินใจถ่ายคลิปเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมและไม่ให้คนอื่นทำตาม สุดท้ายนี้อยากจะบอกถึงคุณก่อเหตุอยากให้เข้ามาคุยและรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องใหญ่โต โดยอยากจะให้การถ่ายคลิปของตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมในการใช้ท้องถนน หากมีปัญหาอะไรค่อยค่อยคุยไม่ใช่ใช้กำลังตัดสินปัญหา


ต่อมาทีมข่าวได้ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ (ฝั่งถนนราชวิถี) ในเวลา 9.33 น. วันที่ 24 ก.ค. โดยจะเห็นลักษณะรถคนก่อเหตุขับด้วยความเร็ว และเบี่ยงขวาเพื่อขึ้นแซง ขณะเดียวกันภาพกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ (ฝั่งถนนสิรินธร) จะเห็นลักษณะรถคนก่อเหตุขับด้วยความเร็ว จากนั้นมีไรเดอร์คนถ่ายคลิปขับตามประกบเพื่อมุ่งหน้าไปยังถนนบรมราชชนนี




ทั้งนี้ ทีมข่าวตรวจสอบพบว่า รถเก๋งสีขาวที่ก่อเหตุชนแล้วหนี เจ้าของเป็นผู้ชายที่อยู่ใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนนบุรี ทีมข่าวจึงเดินทางไปตามที่อยู่ของชื่อเจ้าของรถ โดยพบเพียง นางน้ำฝน (นามสมมติ) แม่เจ้าของรถ บอกว่า วันนี้ได้รับการติดต่อจาก ตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุในกรุงเทพฯ บอกว่า รถลูกชายมีการชนแล้วหนี ตนจึงโทร. หาลูกชายว่าตำรวจโทร. มาให้ลูกชายไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนหญิงที่ขับรถของลูกชายนั้น ตัวแม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร โดยลูกชายบอกว่าหญิงคนดังกล่าวได้เอารถไปใช้แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร


จากการสอบถามลูกชายบอกเพียงว่า กำลังจะพาหญิงคนขับรถไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีที่โรงพัก แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปวันไหน คาดว่าน่าจะประมาณ 1-2 วันหลังจากนี้ โดยยืนยันว่าไม่ได้คิดหนี กำลังหาทางติดต่อผู้หญิงคนขับและคู่กรณีอยู่ สำหรับลูกชายทำงานอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี โดยวันเกิดเหตุลูกชายอยู่ในเมืองกาญจบุรี ไม่ได้เดินทางมากรุงเทพฯ

 

สาวใจเด็ด! ตามเกาะฝากระโปรงรถเก๋งชนแล้วหนี