“ใต้หล้า” เรือนไทยหมู่ กินอาณาบริเวณกว้างขวางเปรียบเสมือนอาณาจักร ของ
เจ้าสัวแสน (สมชาย เข็มกลัด) คหบดีผู้มีฐานะมั่งคั่งครอบครอง การค้าขายกับต่างชาติ มาตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม มีเรือสินค้า จากยุโรปเข้ามาสู่สยาม กิจการค้าขายเป็นไปด้วยดี จนชื่อเสียงร่ำลือไปทั่ว แต่ถึงแม้
เจ้าสัวแสนจะรวยทรัพย์ แต่ก็ไร้ยศ นำมาซึ่งปมในใจ ที่สักวันหนึ่งจะต้องถูกลบลงให้จงได้
เจ้าสัวแสนแต่งงานกับ
นางแก้ว (สุจิรา อรุณพิพัฒน์) ผู้มาจากตระกูลข้าหลวงใหญ่ในวัง มีลูกชาย 1 คน คือ กล้า
(วิทวัส สิงห์ลำพอง) แต่
ซินแสเทียน (อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวาณิช) กลับทำนายว่า กล้าจะนำพาความอัปยศมาสู่ตระกูล ทำให้นายแสนผิดหวัง อยากจะมีลูกชายอีกคนมาแทนกล้า นายแสนไปเที่ยวหอนางโลมจนไปเจอกับ
บุหงา (ภัครมัย โปรตระนันท์) ดาวเด่นแห่งหอนางโลม นายแสน หลงรักและยอมซื้อตัวมาตบแต่งเป็นภรรยาอย่างออกหน้าออกตา สร้างความไม่พอใจให้กับนางแก้วเป็นอย่างมาก
ผ่านเวลาบุหงาตั้งท้องสมใจ ยิ่งทำให้นายแสนรักและเห่อลูกในท้องของบุหงามากขึ้น แต่เมื่อนายแสนต้องเดินทางไปเจรจาเรื่องการค้ากับพ่อค้าเมืองจีนที่ท่าเรือใหญ่ บุหงาขอไปด้วย แต่นายแสนไม่ให้ไป เพราะท้องใหญ่ใกล้คลอด นายแสนเลือกที่จะพา นางแก้วไปแทน บุหงาเกรี้ยวกราดพาลกับลูกในท้อง ในคืนที่ฝนตกหนักนายแสน และนางแก้วไม่อยู่ บุหงาก็เจ็บท้องคลอดลูก แต่ดันเป็นเด็กผู้หญิง บุหงาเลยให้ นังเจียม (อะตอม) กำจัดเด็กกับหมอตำแยเพื่อปิดปาก เจียมฆ่าหมอตำแยตายแล้วเอาเด็กไปให้ เว่ยชิง (ณหทัย พิจิตตรา) แม่เล้าที่หอนางโลมเลี้ยง และตั้งชื่อให้ว่า ฟ้าหยาด (อริสรา) เวลาผ่านไปทั้งนางแก้วและบุหงาตั้งครรภ์พร้อมกันอีก ลูกของนางแก้วเป็นผู้ชาย แต่ลูกบุหงาเป็นผู้หญิง บุหงาเจ็บใจแทบสิ้นสติ
นางแก้วตั้งชื่อลูกว่า หาญ (สิทธา สภานุชาติ) ทำให้นางถือตัวเป็นใหญ่ อยู่เหนือบุหงา ผู้มีลูกสาวเพียงคนเดียวคือ สายฝน (ณัฎฐพัชร วิพัธครตระกูล)
ความอิจฉาริษยา สะสมอยู่ในตัวบุหงาจนเวลาผ่านไป 20 ปี เมื่อลูกๆ เข้าสู่วัยหนุ่มสาว นายแสนก็แก่ตัวลง จึงคิดจะมอบทุกอย่างให้กับหาญ ด้วยความสามารถทำให้หาญได้รับคัดเลือก เข้ารับราชการ เขากำลังจะทำความฝันของตระกูลให้เป็นจริง เพื่อความเจริญ ในหน้าที่การงาน ครบพร้อมทั้งอำนาจและบารมี ทำให้บุหงายิ่งโกรธแค้นหนัก
นางแก้วได้รับคำสั่งให้ซินแสเทียนมาทำนายดวงชะตาของหาญแล้วพบว่า มีเพียงสิ่งเดียวที่จะเสริมอำนาจและบุญบารมีได้คือผู้หญิงนางหนึ่ง นางผู้ซึ่งถือกำเนิดในฤกษ์ดาวบารมีของหาญ ดวงชะตาของนางมีผลต่อดวงชะตาของหาญและเป็นผลในการหนุนนำบารมีและโชคลาภหาญต้องแต่งงานกับหญิงนางนั้น เพื่อใช้พลัง ของนางส่งเสริมเขา ทุกอย่างคงราบรื่น ไปด้วยดีหากนางผู้นั้นไม่ใช่เดือน (กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์) ผู้เป็นเพียงทาส ในเรือนเบี้ยของใต้หล้า
เดือนกับ ดาว(ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ) ทั้งคู่เป็นทาสในเรือนเบี้ยของใต้หล้า เกิดและเติบโตจากพ่อแม่ที่เป็นทาสเช่นเดียวกัน นิสัยของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เดือนเป็นคนจิตใจงดงาม เจียมเนื้อเจียมตัว ในขณะที่ดาวเป็นคนใจคด ทะเยอทะยาน อยากหลุดพ้นจากความเป็นทาส เดือนมีโอกาสได้พบกับหาญแล้ว ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก หาญสัญญาว่าจะช่วยให้เดือนพ้นจากการเป็นทาส ทำให้เดือนประทับใจและปักใจในตัวหาญมาตลอด ฟากหาญก็มีใจให้กับเดือนเช่นกัน
หาญไม่ได้มีใจผูกพันกับดาวเหมือนที่มีต่อเดือน ทำให้เขาไม่คิดยุ่งเกี่ยว กับเธอฉันท์ชู้สาว ไม่ว่าดาวจะพยายามอย่างไร ก็ไม่เป็นผล ยังความโกรธแค้นเก็บกดมาให้กับเธอยิ่งนัก ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเดือนที่ถูกขายให้หอนางโลมก็พยายามหนีออกมา จนได้มาเจอกับ แม่หญิงบุษบาบรรณ (ชรัฐฐา อิมราพร) ลูกสาวเจ้าพระยายศใหญ่ หาญจำเป็นต้องแต่งงานกับบุษบาบรรณ เพราะอุบัติเหตุที่หาญช่วยบุษบาบรรณจากไม้ที่จะหล่นใส่ ทำให้ชาวบ้านเห็นทั้งคู่กอดกันตลาด เลยพากันนินทาไปทั่วว่าทั้งคู่แอบมาพลอดรักกัน
สุดท้ายเรื่องราวชิงรักหักสวาทภายใน “ใต้หล้า” จึงเริ่มต้นขึ้น
ความรัก ความแค้น และความอิจฉาริษยาจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูก ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บทสรุปนี้จะลงเอยเช่นไร ติดตามใน‘ชิงรักหักสวาท’ ทางช่อง 8 ดิจิตอลทีวี