ผอ.สถานศึกษาใน อ.ขุขันธ์ นำเด็กวัยรุ่นหัวร้อนด่าตำรวจ นำพวงมาลัยเข้ากราบขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกจับเพราะ จยย.ผิดกฎหมาย แต่กลับด่าเจ้าหน้าที่หยาบคาย สุดท้ายโดนพ่วงข้อหาหมิ่นเจ้าหน้าที่

 

วันนี้ 19 ส.ค.2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิป วัยรุ่นหัวร้อน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับรถจักรยานยนต์ ข้อหาไม่มีเอกสารประจำรถ รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถทำการปรับปรุงดัดแปลงสภาพรถไปจากเดิม ผิดกฎหมายจราจร และทำการเชิญตัวมาเปรียบเทียบปรับที่สถานีตำรวจภูธรขุขันธ์ โดยมี ร้อยตำรวจเอก อาภากร โสภา ร้อยเวรฯ ทำหน้าที่เจรจาเปรียบเทียบปรับ แต่น้องวัยรุ่นกลับหัวร้อน อารมณ์เสีย ดุด่า ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมใช้วาจาหยาบคายต่าง ๆ นานา

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 แต่มีภาพหลุดออกสื่อไปเมื่อบ่ายวานนี้ (18 ส.ค.2564 ) ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน

ช่วงสายของวันนี้ ผอ.แปลก ภีระคำ ผู้อำนวยการสถานีศึกษาในเขตอำเภอขุขันธ์ ได้นำตัวน้องวัยรุ่นหัวร้อนดังกล่าว เดินทางเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เด็กขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พันตำรวจเอก พงศ์ทัศน์ พิมพ์เรือง ผู้กำกับฯ สภ.ขุขันธ์ ร่วมเป็นสักขีพยานในการกล่าวขอโทษ

ผอ.แปลก ภีระคำ ผู้อำนวยการสถานีศึกษาฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาเพื่อนำน้องนักศึกษาของสถาบัน เข้ามาเพื่อขอขมาในความผิดที่กระทำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจกับสถาบันการศึกษา เป็นเครือข่ายกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งบางอย่างก็บอกไม่ได้ เพราะเด็กวัยรุ่นจะมีอารมณ์รุนแรง และชั่ววูบ หรือความคิดยังไม่ถึงขั้นมีความรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุตรงนี้ขึ้นมา แล้วมีคลิปหลุดออกไป กำลังสืบหาอยู่ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปตรงนี้ออกไป ซึ่งเด็กเองก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

วัยรุ่นคนดังกล่าวได้สมัครเข้าเรียนในวิทยาลัยเพียง 9 สัปดาห์ โรงเรียนก็ยังไม่ได้เปิดเทอมเรียนปกติ เพียงเปิดเรียนออนไลน์ ซึ่งการเรียนออนไลน์ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ทางสถาบันการศึกษายังไม่ได้เจอเด็ก ยังไม่ได้จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรม เพราะตามหลักเด็กที่เข้าใหม่จะต้องผ่านการอบรมทุกคน โดยจะมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีคณะสงฆ์ประจำสถาบันการศึกษา เข้าไปกล่อมเกลาจิตใจให้มีคุณธรรม ศีลธรรม 

ในส่วนของผู้ปกครอง เมื่อคืน ผอ.ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับครอบครัว พบว่าเด็กไม่มีพ่อ มีเพียงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่คุณพ่อเสียชีวิต ตั้งแต่เด็กเรียนอยู่ในระดับประถมปีที่ 2 ช่วงนี้โควิด แม่ก็ตกงานไม่มีอะไรทำ ได้มาอาศัยอยู่บ้านตายาย แม้แต่ที่บ้านก็ยังขออาศัยเพื่อนบ้านเค้าอยู่

ในส่วนของเด็กจริง ๆ แล้ว เด็กยังมีจิตใจที่ดี ขณะที่เรียนออนไลน์ก็ตั้งใจเรียนส่งงานตรงครบทุกวิชา วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 หลังจากส่งงานทางออนไลน์ครูเสร็จ ก็ขออนุญาตครูเข้าเมือง เพื่อจะมาตัดผม แต่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับรถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายเสียก่อน และก็ไม่มีเงินเสียค่าปรับด้วย เลยอารมณ์ร้อน พูดจาหยาบคายออกไปเช่นนั้น

ก็ขอฝากผู้ใหญ่ทุกคน ฝากสังคม ฝากผู้ปกครองช่วยกันดูแลเด็ก บางครั้งอาจจะกระทำการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็หวังว่าสังคมจะให้อภัย และผู้ปกครองก็ต้องช่วยขัดเกลาลูกหลานทุกคนไม่ใช่เป็นภาระมาที่สถาบันเพียงฝ่ายเดียว