ตำรวจปราบปรามยาเสพติดยึดยาบ้า 4 ล้านเม็ด กัญชา 800 กก. และเฮโรอีน 10 กก. จากเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดใน 3 คดี และจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย พบวิธีการซ่อนใต้รถกระบะ

 

พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ร่วมกับ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาและของกลางยาเสพติด 3 คดี เป็นยาบ้า 4 ล้านเม็ด กัญชา 800 กิโลกรัม และเฮโรอีนอีก 10 กิโลกรัม จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน

โดยคดีแรก เป็นผลงานของกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 จับกุมนางสาววลิตดา นาคสวน และนางเพ็ญนภา ภัทรเจริญ พร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด รถกระบะ และรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่ง โดยขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คนพร้อมของกลางยาบ้า 3 แสนกว่าเม็ด ก่อนจะสืบทราบว่านางสาววลิตดา และนางเพ็ญนภา มีส่วนในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านจังหวัดหนองคาย ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จึงร่วมกันสืบสวนจนทราบว่านางสาววลิตดา จะขับรถกระบะและรถยนต์ลำเลียงยาเสพติดจนกระทั่งช่วงกลางดึกวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจพบรถยนต์เป้าหมายจอดที่ปั๊ม ปตท.เชียงคาน ก่อนพบรถเป้าหมายอีกคันขับตามออกมามุ่งหน้าอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และมีรถที่ร่วมในขบวนการติดตามไปอีกหลายคัน เจ้าหน้าที่จึงติดตามต่อพบรถคันดังกล่าวผ่านพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดเลย จึงประสานจุดตรวจเข้าสกัดที่บ้านโปงชี ตำบลโป่ง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในช่วงเช้าแต่พบว่ารถคันดังกล่าวพยายามขับเปลี่ยนเส้นทางชุดจับกุมจึงไล่ติดตามและหยุดรถไว้ได้ เมื่อเข้าตรวจค้นพบของกลางยาเสพติดดังกล่าวจึงควบคุมตัวไฟสืบสวนขยายผลต่อไปเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

 

คดีต่อมาจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คนคือนายทวีศักดิ์ วงศ์อุดม โดยขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ครั้งนั้นสามารถจับกุมยาบ้าได้ 5 แสนกว่าเม็ด ไอซ์ 22 กิโลกรัม ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ตำรวจจึงตรวจสอบและวิเคราะห์ขยายผลข้อมูลเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวจนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงขยายผลติดตามจนพบกลุ่มเป้าหมายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ช่วงเช้าวานนี้(27 ส.ค.2564) จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยต่าง ๆ เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คนคือนายทวีศักดิ์ พร้อมของกลางกัญชา 800 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาให้การว่าเดินทางไปรับยาเสพติดนี้มาจากอำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ โดยปลายทางจะส่งไปที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกับยอมรับว่าทำมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองก่อนจะถูกตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

 

ส่วนคดีที่คดีที่ 3 เป็นการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมเฮโรอีน 10 กิโลกรัมที่ซุกซ่อนมาภายในรถกระบะ โดยเจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่าจะมีกลุ่มลำเลียงยาเสพติด ซ่อนใต้กระบะมาจากพื้นที่ภาคเหนือ กระทั่งพบรถเป้าหมายจึงติดตามมาในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านวัชรพล ก่อนเข้าตรวจค้นรถกระบะต้องสงสัย พบว่ารถคันดังกล่าวไม่มีหลังคา และพบลักษณะน่าสงสัยคือบริเวณช่วงล่างแหนบแชสซีมีการดัดแปลงยกสูงผิดปกติจึงแจ้งผู้ต้องหาขอเข้าตรวจค้นโดยนำไปผ่าตรวจดูที่อู่รถแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงและเมื่อยกกระบะท้ายขึ้นพบว่ามีการทำช่องตู้เซฟซ่อนไว้ด้านใต้พร้อมของกลางยาเสพติดเฮโรอีนจำนวน 10 กิโลกรัม ทั้งนี้จากข้อมูลการตรวจสอบการจับกุมที่ผ่านมาพบว่าการขนส่งมีลักษณะดังกล่าวมีบ่อยครั้งโดยพบครั้งแรกในเดือนมกราคมปี 2563 ที่จังหวัดอ่างทอง ครั้งต่อมาเดือนมิถุนายนปีเดียวกันโดยบรรทุกยาบ้า 2 ล้านเม็ดเหมือนกัน จากนั้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงจำนวนและประเภทยาเสพติดเป็นยาบ้า 2 แสนเม็ดไอซ์ 52 กิโลกรัม

ด้านพลตำรวจเอกมนู เปิดเผยว่าคดีที่ 3 ตำรวจสืบทราบแล้วว่าผู้ที่เป็นเจ้าของยาเสพติดจำนวนดังกล่าวคือใครรวมถึงหัวหน้าเครือข่ายที่ใช้รูปแบบการซุกซ่อนขนส่งดังกล่าวตอนนี้จะเตรียมขยายผลเพื่อดำเนินการเข้าจับกุมตามขั้นตอนต่อไป