'ศ.ดร.อมร' นายก ส.วิศวกรโครงสร้างไทย ถอดบทเรียนเหตุตึกร้างประชาชื่นถล่ม หวั่นลัดขั้นตอนรื้อถอน เสี่ยงอันตราย ชี้ต้องมีวิศวกรคุมงาน จี้พนักงานท้องถิ่นตรวจสอบใบอนุญาตทุบอาคาร
วันที่ 13 ต.ค. 2564 ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย เปิดเผยถึงเหตุอาคารอพารต์เมนต์เก่าสูง 6 ชั้น ย่านประชาชื่นถล่มลงมาระหว่างรื้อถอนอาคารทับคนงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ว่าเหตุอาคารถล่มขณะทำการรื้อถอนเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต เช่น เหตุการณ์ตึกสูง 8 ชั้น บริเวณซอยสุขุมวิท 87 เกิดถล่มลงมาระหว่างรื้อถอน ในเดือน ธ.ค. ปี 2559 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และสูญหาย 2 ราย ทั้งนี้ ในปัจจุบันพบว่ามีการรื้อถอนอาคารเก่าหลายแห่ง ซึ่งงานรื้อถอนอาคารเก่าเป็นงานที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากรื้อถอนไม่ถูกวิธีหรือไม่ตรงตามขั้นตอนแล้วก็อาจทำให้อาคารถล่มลงมาได้ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่เนือง ๆ
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อาคาร 6 ชั้นที่ประชาชื่นถล่มนั้น นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย ระบุคงต้องรอการวิเคราะห์และการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม งานรื้อถอนอาคารเป็นงานที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง ในแง่วิศวกรรมนั้น งานรื้อถอนจัดว่าเป็นงานวิศวกรรมควบคุมที่ต้องมีลำดับขั้นตอนในรื้ออาคารเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยหลักสำคัญของวิศวกรรมการรื้อถอนนั้น จะต้องทำขั้นตอนที่ตรงข้ามกับการก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ จะทำข้ามขั้นตอนไม่ได้ เช่น การก่อสร้างอาคารใหม่จะต้องทำจากล่างขึ้นบนไปทีละชั้น เริ่มจากชั้นที่ 1 ไปชั้นที่ 2 ไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน การรื้อถอนก็ต้องทำในทิศตรงกันข้าม เช่น ต้องเริ่มรื้อจากชั้นบนก่อนแล้วค่อยๆ ไล่ลงมาจนถึงชั้นล่างสุด
หากผู้รื้อถอนไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ แต่จงใจไม่ทำตามขั้นตอน เพื่อต้องการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน เช่น รื้อถอนโดยทำลายเสาชั้นล่าง ๆ เพื่อมุ่งหวังให้อาคารถล่มลงมาทั้งหลัง ก็ถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอนของการรื้อถอน ซึ่งเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางของการล้มคว่ำของอาคารได้ ผู้รื้อถอนที่ไม่เข้าใจหลักวิศวกรรมหรือมักง่ายเช่นนี้ก็อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ เนื่องจากงานรื้อถอนเป็นงานอันตราย ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายมากำกับดูแล อย่างน้อยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.วิศวกร โดย พ.ร.บ. ควบคุมอาคารปี 2522 กำหนดให้การรื้อถอนอาคารเป็นงานที่ต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนจะเริ่มดำเนินการ และ พ.ร.บ.วิศวกร ปี 2542 และกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมปี 2550 กำหนดว่างานรื้อถอนอาคาร ที่มีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป เข้าข่ายเป็นวิศวกรรมควบคุม ซึ่งต้องมีวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกรมาควบคุมการรื้อถอน
ศ.ดร.อมร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การรื้อถอนที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมจะต้องมีแบบ รายละเอียด ตลอดจนการคำนวณลำดับขั้นตอนการรื้อถอน ที่ลงนามโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตระดับสามัญวิศวกรขึ้นไป เนื่องจากเป็นอาคารที่มีความสูง 6 ชั้น ดังนั้นจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะต้องตรวจสอบว่าการรื้อถอนดังกล่าวมีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่
ในส่วนการตรวจสอบการทำงานของวิศวกรนั้น สภาวิศวกรมีอำนาจตรวจสอบและดำเนินการในเรื่องนี้ ว่ามีวิศวกรเข้าไปกำกับดูแลการรื้อถอนหรือไม่ และวิศวกรที่มีหน้าที่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักวิชาการและหลักทางวิศวกรรมอย่างถูกต้องหรือไม่ หากตรวจพบว่าวิศวกรไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักวิชาการ ก็อาจเข้าข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณ อาจทำให้วิศวกรผู้นั้นต้องได้รับโทษทางจรรยาบรรณ ถึงขั้นถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพได้
ทั้งนี้ การรื้อถอนอาคารในบริเวณชุมชนหนาแน่น ก็อาจเกิดอันตรายต่อประชาชนได้ ดังนั้นหากประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงอาคารที่ทำการรื้อถอน ก็ต้องให้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ พยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว และหากพบสิ่งไม่ปกติ เช่น มีการใช้รถขุดเจาะตัดเสาในชั้นล่าง หรือไม่รื้อถอนจากชั้นบนลงมาตามลำดับ ก็อาจแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป