'อ.ธรณ์' วิเคราะห์ให้เห็นชัด น้ำมันรั่วมาบตาพุด จุดไหนน่าห่วงสุด เน้นย้ำสารเคมีต้องใช้ในที่ลึก ป้องกันน้ำมันกับสารเเตกตัวไม่ทัน ไปกองที่พื้นก่อน
วันที่ 26 ม.ค. 2565 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล เเละรองคณบดี คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงกรณีของน้ำมันรั่วที่ระยอง ว่า น้ำมันดิบ 1.6 เเสนลิตร รั่วนอกฝั่ง ห่างไป 20 กม. เป็นกรณีคล้ายเกาะเสม็ด น้ำมันดิบเหมือนกัน รั่วนอกฝั่งเหมือนกัน แต่ปริมาณหนนี้เยอะกว่า
ดูจากคลิปวิดีโอ เห็นชัดว่าน้ำมันแผ่ขยายกว้างมาก จุดแตกต่างนอกจากปริมาณ คือปัจจัยสิ่งแวดล้อม ลมพัดขึ้นเหนือไม่ค่อยแรง ต่างจากครั้งก่อนที่ลมพัดไปทางตะวันออก ค่อนข้างแรง
พื้นที่เกิดผลกระทบอาจต่างกัน หนนี้น่าจะเป็นชายฝั่ง เมืองระยอง หาดแม่รำพึง ก้นอ่าว ฯลฯ ตรงนั้นเป็นหาดทรายยาว หากน้ำมันดิบมาถึงหาดทราย อาจเกิดคราบดำบนหาดหรือเกิดก้อนน้ำมันดิบ
การกำจัดคราบน้ำมันจากหาดทรายทำยากมาก เราอาจใช้แผ่นซับ เก็บก้อนน้ำมันดิน ไปจนถึงตักหน้าทรายออก
แต่ทุกอย่างยากหมด วิธีดีสุดคืออย่าให้ถึงฝั่ง
ลมค่อนข้างเบา พอมีเวลา ใช้บูมดัก กวาดน้ำมันออก ใช้สารเคมีทำให้จมตัวลง เน้นย้ำว่าสารเคมีต้องใช้ในที่ลึก อย่าใช้ในที่ตื้นเกินไป เพราะน้ำมันกับสารจะแตกตัวไม่ทัน ไปกองที่พื้นก่อน
ความลึกแค่ไหนมีในคู่มือการใช้อยู่แล้ว ขอเพียงทำตามและระวังให้มาก เพราะพื้นทะเลแถวนั้นเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน ตอนนี้หลายท่านลงพื้นที่แล้ว แต่ข้อจำกัดของเราอยู่ที่อุปกรณ์ แม้จะมีการพัฒนาการรับมือจากประสบการณ์คราวก่อน แต่ยังต้องระวังเ พราะครั้งนี้ถือว่าเยอะ
กรมควบคุมมลพิษใช้โมเดล คาดว่าจะถึงฝั่ง...ระบบนิเวศหลัก ๆ ที่ได้ผลกระทบคือหาดทราย พื้นที่เฝ้าระวังอย่างมากคือเมืองระยองถึงก้นอ่าว
หญ้าทะเลอยู่ที่บ้านเพ/สวนสน อาจได้รีบผลบ้าง แต่คงน้อย เพราะช่วงนี้น้ำไม่ลงต่ำจนแห้ง คราบน้ำมันไม่น่าลงไปบนหญ้าโดยตรง
ทิศทางลมไม่ได้ไปทางเกาะเสม็ด แนวปะการังอาจได้รับผลไม่มาก แต่ควรเฝ้าระวังในพื้นที่เดิม เช่น อ่าวพร้าว
สรุปแล้วให้เน้นหาดทรายกับพื้นท้องทะเลเป็นหลัก