ชาวสวนนนท์เดือดร้อน เจอหมู่บ้านหรูสร้างล้อมปิดทับทางเข้าออก วอนรัฐช่วยแก้ไข จนท.นัดเจรจาทุกฝ่าย 3 ก.พ.นี้ ขณะที่ทนายความเข้าช่วยเหลือ ลั่นต้องฟ้องศาลโดยเร็ว
(2 ก.พ. 2565) ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ลงพื้นที่พบ นายสริต เสริมสิทธิพร อายุ 37 ปี ชาวบ้านในชุมชนหลวงพ่อแดง ริมคลองบางกอกน้อย ถนนบางกรวย-ไทรน้อย หลังวัดแดงประชาราษฎร์ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังได้รับร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากการก่อสร้างโครงการหมู่บ้านหรูราคา 13-40 ล้านบาท ปิดทางเข้าออกชุมชน ทำให้ชาวบ้าน 8 ครัวเรือน 49 ชีวิตได้รับความเดือดร้อน
นายสริต กล่าวว่า เดิมทีชุมชนริมคลองอาศัยอยู่กันหลายครอบครัว ประกอบอาชีพทำสวนทั้งผักและผลไม้ อาศัยทางเดินเท้าออกสู่ถนนด้านนอก กระทั่งช่วงปี 2562 โครงการบ้านหรูดังกล่าว เข้ามากว้านซื้อที่ดินของชาวบ้าน และเริ่มก่อสร้างหมูบ้าน ตั้งแต่นั้นก็เริ่มปรับเปลี่ยนทางออกเรื่อยมา ส่วนครอบครัวได้แบ่งขายไป 2 ไร่ โดยนายหน้ายืนยันว่าจะทำทางออกให้ ซึ่งทางออกที่ใช้ปัจจุบันเป็นทางที่ต้องผ่านหมู่บ้านดังกล่าว โดยเปิดช่องกำแพงเอาไว้ให้ กระทั่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 โครงการดังกล่าวนำแผ่นปูนลงมาปิดช่องกำแพงจนคนในชุมชนถูกปิดตาย ไม่สามารถเข้าออกได้ จึงรวมตัวกันไปที่หน้าบ้านของ นายณัฐพร แสงบัว นายกเทศมนตรีเมืองบางศรีเมือง ก่อนที่รองนายกฯ จะมาช่วยเจรจาและเปิดทางให้ โดยโครงการนี้ให้เวลาถึงวันที่ 28 ก.พ.นี้ ก่อนจะปิดทางออกดังกล่าว
ด้าน นางผาสุข สังขะปักษิณ อายุ 79 ปี เจ้าของที่ดิน 2 ไร่ที่ขายให้กับโครงการดังกล่าว ยืนยันว่า อาศัยอยู่บนที่ดินผืนนี้มานาน มีทางเข้าออกสู่ถนนใหญ่ซึ่งใช้สัญจรกันมาตลอด พร้อมกับนำโฉนดที่ดินของตัวบ้าน ซึ่งเป็นหลักฐานการซื้อขายตั้งแต่ปี 2459 มายืนยัน
ขณะที่ นายธีรเดช แพงภูงา ปลัดอำเภอบางศรีเมือง ลงพื้นที่ตรวจสอบ กล่าวว่า นายอำเภอฯ แจ้งให้ทราบว่ามีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไม่มีทางสัญจรเข้าออก จากเดิมที่เคยมี แต่โครงการหมู่บ้านจัดสรรยังไม่ทำทางเข้าออกตามที่ตกลงกัน จึงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา เบื้องต้นพบว่า ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีทางเข้าออก แต่ต้องดูข้อเท็จจริงทางกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง โดยพรุ่งนี้ (3 ก.พ. 2565) จะเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เดือดร้อน ร่วมกับเจ้าของโครงการ เทศบาลฯ และอำเภอฯ มาร่วมรับฟังข้อคิดเห็น
ขณะเดียวกัน นายเชาว์ มีขวด ทนายอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับเรื่องร้องเรียน พร้อมระบุว่า จากการมาตรวจสอบสภาพพื้นที่พบว่า ถูกโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ ล้อมรอบทุกทิศทาง ซึ่งเดิมชาวบ้านมีทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ แต่ปัญหาคือ ที่ดินแต่ละแปลงเมื่อก่อนเจ้าของยินยอมให้ชาวบ้านทุกหลังใช้สิทธิ์ในการเดินเข้าออกสู่ถนน ซึ่งในทางกฎหมาย ถือเป็นถนนภาระจำยอม เพราะใช้เดินกันมานาน แต่โครงการหมู่บ้านได้ไล่ซื้อที่ดินของชาวบ้านข้างเคียงรวมถึงที่ดินของบ้านหลังนี้ ซึ่งแบ่งขายไป ซึ่งตอนซื้อขายกัน โครงการตกลงว่าจะทำทางเข้าออกให้ แต่เมื่อก่อสร้างจนใกล้เสร็จ โครงการกลับก่อสร้างกำแพงขึ้นล้อมรอบทิศทาง ช่องทางเดินถูกทำลายรื้อทิ้ง เหลือทางเข้าออกเป็นช่องขนาดเล็กเท่านั้น และโครงการแจ้งว่าจะปิดทางเข้าออกแล้ว ดังนั้น ชาวบ้านตรงนี้จะถูกปิดตาย ถือเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทางศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษา หรือคำสั่งว่าทางเข้าออกของชาวบ้านที่ถูกโครงการนี้ล้อมรอบนั้นเป็นทางภาระจำยอม ถือเป็นกรรมสิทธิ์ที่ชาวบ้านกลุ่มนี้จะใช้เข้าออกได้โดยสภาพอยู่แล้ว คาดว่าจะยื่นฟ้องเร็ว ๆ นี้ หากระหว่างนั้นโครงการปิดทางเข้าออก ก็ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว