ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ...
ไม่ว่าคุณจะมีเพศสภาพใด ชายรักหญิง ชายรักชาย หญิงรักหญิง ชายรักหญิงข้ามเพศ ทอมรักชาย ฯลฯ ความรู้สึกเหล่านั้นล้วนเกิดจากคำว่า “รัก” ทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่า ความรักที่นอกเหนือจากคำว่า ชายและหญิง นั้น ยังไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย กล่าวกันง่าย ๆ คือ ไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้นั่นเอง
กิจกรรม ‘บางขุนเทียน แสงเทียนแห่งรัก’ จึงเกิดขึ้น โดยกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตบางขุนเทียน เพื่อผลักดันให้เกิดการบันทึกจดแจ้งกลุ่ม LGBTQ+ หรือเรียกภาษาบ้าน ๆ ว่า จดทะเบียนสมรส เพื่อส่งเสริมความรัก ความเสมอภาค ของคนทุกเพศให้อยู่ในสังคมตามสิทธิพึงได้รับ
แม้จะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นเหมือนดังหมุดหมายสำคัญในการเดินหน้าให้เกิดการสมรสเท่าเทียมในอนาคตอันใกล้ โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ เดอะไบรท์ พระราม 2 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
‘ตั๊ก’ ละอองทิพย์ เอี่ยมปฐม เจ้าของตำแหน่ง Miss LGBT Thailand 2019 เพิ่งควงคู่หวานใจอย่าง ‘ยิ้ม’ ชัชวาล เพียราชา เข้าประตูวิวาห์ไปหมาด ๆ จะเป็นอีกหนึ่งคู่รักกลุ่ม LGBTQ+ ไปร่วมบันทึกจดแจ้งในวันวาเลนไทน์ด้วย
1.เพราะความรัก...มันคือความรัก
โบราณกล่าวไว้ว่า ชีวิตคนเรา หากคู่กันแล้ว ก็ยากจะแคล้วกัน ชีวิตของ ตั๊กกับยิ้ม เป็นเช่นนั้น
‘ตั๊ก’ บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ว่า “เราเองเคยมีความรักมาก่อน แต่การจะหาความรักที่จริงใจสำหรับคนที่เป็นเพศ LGBTQ+ นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ซึ่งเรา 2 คนมาเจอกันผ่านโซเชียลมีเดีย พี่ยิ้มเป็นคนมาเจอรูปของเราที่โพสต์ และติดแท็กสถานที่เอาไว้ ก็เลยได้มาคุยกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ในตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นถึงขึ้นแฟน เพราะเราคิดว่า คนทุกคนสามารถคุย และเป็นเพื่อนกันได้”
อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่า การเกิดขึ้นระหว่างบรรทัดของคำว่า “ความรัก” ช่วงโควิด-19 จะรักษาและประคองมันให้ยืนยาวไม่ง่ายเลย
“ด้วยวิกฤติโควิด-19 การเจอกันเลยเป็นเรื่องยาก พอได้มาเจอกัน เราเลยบอกเขาไปตรง ๆ เลยว่า แม่รักเรามากนะ เพราะเราเป็นลูกคนเดียว แม่เราพิการ โรคประจำตัวก็เยอะ ถ้าจะคุยกัน เพื่อแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย เราต้องขอผ่าน” เธอ กล่าว
2.ความดีชนะทุกสิ่ง
เพราะความดีและความเป็นสุภาพบุรุษ นั่นจึงทำให้ ผู้ชายที่ชื่อ ‘ยิ้ม’ เอาชนะใจทั้งตั๊กและคุณแม่ของตั๊ก
ยิ้มเล่าด้วยรอยยิ้มอันปลื้มปริ่มถึงจุดสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจขออีกฝ่ายแต่งงานว่า “ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่จีบใครไม่ค่อยเป็น และเมื่อก่อน ผมเป็นคนไม่ค่อยดีครับ แต่พอได้เจอเขา เขาเปลี่ยนผมจากหลังมือเป็นหน้ามือเลย ผมเลยกล้าที่จะเดินเข้าไปบอกกับแม่เขาว่า ผมจะดูแลตั๊กเอง แม่ไม่ต้องห่วงครับ หลังจากนั้นเราก็เลยคิดว่าจะแต่งงานกันครับ”
แล้วเขาก็ทำตามสัญญานั้นได้ แม้ในเวลาต่อมา คุณแม่ของตั๊กจะจากโลกนี้ไปอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่เขายังคงกุมมือทำหน้าที่คู่ครองที่น่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
3.แต่งงาน...เพราะเขารักเราจริง
แม้ยิ้มจะขอแต่งงาน แต่ใช่ว่า...วินาทีนั้น ตั๊กจะตอบเซย์เยสง่าย ๆ เพราะเธอคิดว่า การแต่งงานมิได้บ่งบอกถึงการครองรักที่ยืนยาวเสมอไป หลายต่อหลายคู่ต้องเลิกรากันไปก็มาก บางคนแต่งงานไม่ถึงปี หม้อข้าวไม่ทันดำ ก็ต้องนอนหันหลังให้กันแล้ว
หากว่า เหตุผลเดียวที่เซย์เยส คือ เขารักเราจริง! มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พิสูจน์ได้
“ตอนนั้นเราไม่อยากแต่งงงานแล้ว เพราะว่าการแต่งงานมันไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะอยู่ครองรักกันไปตลอด และตอนแรก เราอยากแต่งงาน เพื่ออยากให้แม่สบายใจ อยากให้แม่ภูมิใจในตัวเรา เพราะเราก็เหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ที่เราเกิดมาเป็นแบบนี้ เราไม่สามารถย้อนกลับไปบวชให้แม่ได้ เราก็เลยอยากเป็นลูกสาวคนหนึ่ง ที่แต่งงานให้แม่ ไม่ได้น้อยหน้าใคร แต่ ณ จุด ๆ นั้น เราคิดว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้ อีกทั้ง หลาย ๆ คนก็บอกว่า แม่คงเลือกผู้ชายคนนี้ให้เราแล้ว เขาเลยหมดห่วง บวกกับพี่ยิ้มบอกว่า เขาอยากแต่งงานกับเรา เขาอยากทำให้เรารู้สึกว่าเขารักเราจริง ๆ และด้วยความที่เราก็มีหน้ามีตาทางสังคม เพราะเราเป็น Miss LGBT Thailand 2019 ซึ่งก็อยากจะนำร่องในเรื่องของการสมรสเท่าเทียมด้วย”
4.สมรสเท่าเทียม สิทธิ LGBTQ+
เนื่องด้วยสังคมไทย ณ ตอนนี้ “สิทธิของ LGBTQ+” ยังไม่ได้มีความชัดเจนในทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแต่งงาน หรือแม้แต่สิทธิของการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่ควรมีคำว่าเพศมาแบ่งแยกว่าสามารถทำอะไรได้ หรือไม่ได้ จึงทำให้บางครั้ง LGBTQ+ ก็อาจจะเกิดความไม่มั่นใจในสายตาของคนรอบข้าง
ตั๊ก แชร์มุมมองนี้เพิ่มเติมว่า “ในตอนแรกกลัว และกังวลในหลาย ๆ อย่าง แต่พอได้ไปเจอครอบครัวของพี่ยิ้ม ทุกคนน่ารักมาก ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ดูแลเราเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เราก็เลยสบายใจ และตั้งแต่แต่งงานมา เราก็ยังไม่ได้รับกระแสในด้านลบเลย
ส่วนในเฟซบุ๊ก มีคนเพิ่มเพื่อนเรามา 300 กว่าคนเลย แม้กระทั่ง มีสื่อมาขอสัมภาษณ์ รวมถึงติดต่อให้ไปขึ้นปกนิตยสาร มันก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งที่ดี และสามารถเป็นกระบอกเสียงต่อไปได้”
หลังจากแต่งงาน ความรู้สึกที่มีให้กันมันมากขึ้น รู้สึกถึงความจริงใจของอีกฝ่าย และไม่อยากไปมองไกลถึงอนาคตว่าจะเกิดการหย่าร้างหรือเปล่า เพราะขนาดบางคู่ มีลูกเป็นพยานรักแล้ว ก็ยังสามารถเลิกรากันได้ เราเลยมองว่า ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่า “มนุษย์” เป็นสัตว์สังคม เราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพราะฉะนั้น อยากฝากถึงผู้ปกครองทุก ๆ ท่าน และทุกคนในสังคมว่า การที่เราเกิดมาเป็นแบบนี้ มันไม่สามารถฝืนตัวเองให้ไปเป็นอย่างอื่น หรือเป็นตามเพศสภาพได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นกระแส ที่เห็นใครเป็น ก็อยากเป็นตาม อย่างเช่น การใช้ iPhone อีกอย่าง ยุคนี้เลยคำว่า “โลกาภิวัฒน์” มาไกลมาก นี่มันยุคเทคโนโลยีแล้ว ขอแค่เป็นคนดี มีงานทำ ไม่เดือดร้อนใคร ก็เพียงพอแล้ว
เพราะความรักไม่มีขอบเขต และไม่มีแบ่งแยก ทำตามใจตัวเองดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง นั่นเอง .
เรื่องโดย ปภัสรา เพ็ชร์ณรงค์