ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เผย ประเด็น 'สักบริเวณร่องก้น เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด' เป็นข่าวจริง เตือน คิดให้ดีก่อนสัก

 

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งประเทศไทย เผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง 'สักบริเวณร่องก้น เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด' ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง

โดยในปัจจุบัน การสักเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งการสักตามความเชื่อดังเดิม และการสักแบบแฟชั่น หรือเพื่อความสวยงาม อย่างไรก็ตาม อันตรายการจากการสักหรืออาการแทรกซ้อนจากการสักนั้น สามารถพบได้ค่อนข้างบ่อย จึงควรระมัดระวังในการตัดสินใจก่อนสัก สำหรับอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนจากการสัก มีดังนี้

1.การติดเชื้อ ซึ่งเกิดได้ทั้งในระหว่างการสัก การดูแลเรื่องความสะอาด การทําให้ปราศจากเชื้อของเครื่องมือ และเข็มที่ใช้ในการสักไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน นอกจากนี้ การติดเชื้ออาจเกิดได้หลังจากสักอีกด้วย เนื่องจากดูแลแผลหลังสักได้ไม่ดีพอ โดยเชื้อโรคที่จะก่อให้การติดเชื้อมีได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่ จะเกิดได้จากอาการอักเสบ ปวดบวม แดงร้อนเฉพาะจุดหรือเป็นตุ่มหนอง ส่วนการเกิดเชื้อไวรัสนั้นมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซี และเชื้อไวรัส HIV เป็นต้น

2.อาการแพ้สีย้อม ซึ่งพบบ่อยมากขึ้นในระยะหลัง เนื่องจากมีการใช้สีย้อมที่เป็นอุตสาหกรรมมาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลือง

3. อาการทางผิวหนังชนิดอื่น ๆ เช่น การเกิดแผลเป็นคีลอยด์ การเกิดก้อนเนื้อที่เรียกว่า 'แกรนูโลมา' ซึ่งเป็นการเกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อการสัก สำหรับร่างกายนั้น การสักถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่สักจํานวนไม่น้อยมีการเปลี่ยนใจหรือเสียใจที่สัก ทําให้ต้องมาลบรอยสัก ซึ่งใช้ทั้งเวลาในการลบค่อนข้างนาน และต้องลบหลายครั้งต่อการสักครั้งเดียว อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายสําหรับการลบรอยสักก็มากกว่าการสักนับสิบเท่า

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการติดเชื้อจากการสักมีมากขึ้น เนื่องจากมีการสักในตําแหน่งที่ผิวหนังบอบบาง เช่น บริเวณริมฝีปาก บริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ซึ่งจะทําให้การดูแลรักษาแผลทําความสะอาดหลังการสักนั้นยุ่งยาก และซับซ้อนมากขึ้น จึงทําให้เสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ สถาบันโรคผิวหนัง หรือโทร 02-5906000