"พล.ท.นันทเดช" ชี้โทรศัพท์คือกุญแจสำคัญไขคดี "แตงโม" คลายข้อสงสัยของสังคม พิสูจน์คำพูดพยานทั้งหมด

 

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์ถึงคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม- นิดา พัชรวีระพงษ์" โดยระบุแยกเอาไว้ในหลายประเด็นว่า

  • คนบนเรือ 5 คน บอกว่าคุณแตงโมตกน้ำขณะไปปัสสาวะอยู่ท้ายเรือ ทุกคนบนเรือยืนยันแบบนั้น ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนครับ แต่ก็มีข้อสงสัย เมื่อทุกคนให้ไปถาม แซน เพียงคนเดียว ดังนั้น คนเห็นคุณแตงโมตกเรือ จึงมีแค่ แซน (แซน - วิศาพัช มโนมัย) เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นพูดตาม แซน ในขณะที่ แซน เองก็ให้การสับสนแต่ละวันไม่สอดคล้องกัน
  • จากกรณีนี้ แซน จึงเป็นพยานปากเอก ต้องมาดูต่อไปว่า แตงโม ไปปัสสาวะท้ายเรือนั้น สมเหตุสมผล จริงตามคำพูดของ แซน หรือไม่
    • คุณแตงโม เป็นดาราไทย เมื่อดูภาพในคลิปสุดท้ายที่ร้องเพลงในเรือนั้น ดูดีมาก ย่อมไม่น่าจะไปนั่งยอง ๆ ปัสสาวะในที่โล่ง ซึ่งบนเรือมีผู้ชายถึง 3 คน อยู่ห่างกันมากสุดก็ไม่น่าจะเกิน 4 เมตร (ในช่วงมีการชุมนุม กปปส. ผู้หญิงแถวหน้าในที่ชุมนุมส่วนใหญ่จะทราบดีว่า คุณแตงโม จะไม่เข้าห้องน้ำในรถบริการของ กทม. แต่จะข้ามถนนไปตามห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรมที่ใกล้เคียงแทน)
    • แม้อ้างว่าห้องน้ำบนเรือเสีย แต่ไม่ได้อยู่ไกลจากท่าเรือที่จะขอเทียบเข้าไปทำธุระมากนัก และด้วยประเภทของเรือ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที จากจุดที่เรืออยู่ มีท่าเรือถึง 3 ท่าติดต่อกันไป นอกจากนั้นห้องน้ำบนเรือถึงจะชำรุดจากอะไรก็ตาม แต่แค่ปัสสาวะเท่านั้นสามารถทำได้โดยง่าย
    • หากปัสสาวะท้ายเรือแบบภาพจำลองนั้น ยิ่งเป็นไปแทบไม่ได้ในขณะที่เรือกำลังแล่นด้วยความเร็ว จะนั่งไปเกาะไป หรือทรงตัวเพื่อปรับชุดที่ใส่อยู่เพื่อทำธุระส่วนตัว เช่น การรวบกระโปรงยาวขึ้น หรือแหวกชุด เพื่อให้ทำธุระส่วนตัวได้ ซึ่งการเป็นชุดบอดี้สูท จะทำแบบนั้นได้ยากกว่าปกติมาก โดยเฉพาะขณะที่เรือกำลังวิ่งอยู่ ลมและน้ำตีขึ้นมาแบบนั้น

ข้อสงสัยจากสังคมจึงเกิดขึ้น

ตั้งแต่เกิดเหตุ ทำไมเพื่อนแตงโม บนเรือทั้งหมดอีก 5 คน "หายไป" ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังค้นหาในคืนนั้น เมื่อตำรวจเจอเพื่อน (แซน - วิศาพัช มโนมัยรัตน์) ก็เขียนแค่ชื่อผู้ตกน้ำยื่นให้ แล้วไม่ให้ข้อมูลใดเพิ่มเติม ซึ่งดูผิดปกติมา

               1.ประมาณ 03.30 น. คุณแม่และพี่ชายของคุณแตงโม เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ติดต่อใครก็ไม่มีใครรับสาย โดยเฉพาะ "กระติก" ผู้จัดการส่วนตัว แต่ "แอนนา" บอกว่า "กระติก" พูดด้วยน้ำเสียงปกติเรื่องข่าวคุณแตงโมตกน้ำว่า ตกจริง พร้อมห้ามว่า "ไม่ต้องมา และอย่าให้นักข่าวรู้" ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

               2.นอกจากนั้น ทีมกู้ภัยซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากได้รับโทรแจ้งเหตุเพียง 5 นาที ยังระบุว่า "ผมถามว่าแตงโมตกน้ำลงไปตรงไหน แถวไหน ผมต้องรู้พิกัดชัด ๆ เขาก็ไม่บอก เอาแต่โวยวายเหมือนคนเมา ด่าเราว่ามัวแต่ถาม ทำไมไม่มาช่วยหา ผมก็ย้ำว่า ผมต้องรู้จุดชี้จุดให้ผมได้มั้ย ก็ด่าอีก แล้วก็ขับเรือออกไปวน ไม่บอกข้อมูลเรา พอกลับเข้ามา มีตำรวจเขามาถามข้อมูล ก็ด่าตำรวจอีก ว่าตำรวจมัวแต่ถามไม่มาช่วย แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ให้ข้อมูลอะไรกับทั้งเราทั้งตำรวจเลย ผมกับทีมก็เลยต้องลงไปดำน้ำตามจุดที่เขาวนเรือ โดยไม่มีคนชี้จุด ทั้งที่แม่น้ำมันกว้างมาก น้ำตรงนั้นลึกประมาณ 18 เมตร พอลงดำไปถึง dive 3 พวกผมขึ้นมา เรือลำนั้นหายไปแล้ว ไม่เหลือใครเลย พวกเรากู้ภัยก็ไม่มีคนชี้พิกัดให้เลยตั้งแต่นั้น"

               3.ทำไมกระติกไม่โทรบอกคุณแม่แตงโม ทันทีที่เกิดเหตุ แต่โทรไปหาคนอื่น ๆ ได้ กรณีนี้กระติกแก้ตัวว่า ไม่สนิทกับคุณแม่ แต่คุณแม่บอกว่า สนิท เพราะบางทีแม่ก็ไปออกงานด้วย และยังแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กระติกด้วย และแตงโมยังดูแลส่งเสียลูกกระติกอีกด้วย ตรงจุดนี้สังคมสงสัยมาก โดยเฉพาะในประเด็นวันที่กระติก ซึ่งนอกจากไม่ใส่เสื้อไว้ทุกข์ให้เพื่อนแล้ว ยังใส่เสื้อลายดอกที่เหมือนกับเสื้อที่ทางห้องเสื้อ Royal Silk มอบให้คุณแตงโม แต่กระติกนำไปใส่โชว์ ตอนไปให้การที่โรงพักอีก

               4.คนเกือบค่อนประเทศรอเวลา ที่ตำรวจให้ข่าวว่าผู้ที่อยู่บนเรือจะมาให้ปากคำ ตอนบ่ายสามของวันรุ่งขึ้น แต่พอถึงเวลากลับไม่มีใครมาพบตำรวจเลยสักคน หายไปไหน มีข่าวว่าไปขอปรึกษาทนายก่อน ข้อสงสัยจึงเกิดต่อไปว่า "จะไปปรึกษาทนายทำไม ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริง" ก็แค่ทุกคนต่างพูดความจริงก็จบแล้ว เหตุใดจึงต้องประวิงเวลาไว้

               หลักฐานภาพถ่ายทางไลน์ ที่เพิ่งจะนำมาแสดง ซึ่งทำให้เห็นว่าบรรยากาศบนเรือ เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีการขัดแย้งกัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 นาที ก็เกิดเหตุ "แตงโมไปปัสสาวะตกน้ำ" ก็ทำให้คนสงสัยอีกว่า เป็นหลักฐานจริงหรือเปล่าเพราะข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ สามารถแก้ไข วัน เวลาได้ ตามที่เจ้าของต้องการ

               เมื่อคุณแตงโมไม่สามารถมาให้การอะไรได้แล้ว การยุติข่าวลือนั้น ต้องใช้วิธีสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาประกอบ โดยเรียกโทรศัพท์มือถือของทุกคนมาตรวจสอบว่า ได้มีการแก้ไขข้อมูลในโทรศัพท์หรือเปล่า (ตำรวจกำลังดำเนินอยู่) นอกจากนั้น ตำรวจยังต้องไปขอบันทึกการใช้งานของโทรศัพท์ทุกเครื่องจากบริษัทผู้ให้บริการว่า มีการติดต่ออย่างไรกับใครบ้าง เวลาเท่าไร เส้นทางเดินของโทรศัพท์ยังบอกอีกว่า หลังวันเกิดเหตุแล้วเพื่อนแตงโมทั้ง 5 คนไปไหนกันบ้าง ติดต่อกับใคร และมีการพบปะ กันเองบ้างหรือเปล่า หากพบ พบกันที่ไหนบ้าง นอกจากนี้ ความเร็วของเรือขณะเกิดเหตุ ตามที่คนตกปลา 3 คน ให้การว่าวิ่งเร็วมากและหักโค้งออกไปกลางแม่น้ำนั้น จีพีเอส คงบอกได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งจะตอบคำถามได้หมดทุกเรื่อง

อนึ่ง เรื่องรายละเอียดโทรศัพท์ หากสามารถทำได้อย่างรวดเร็วก็จะทำให้สังคมหายสงสัย ว่าสิ่งที่พยานพูดมาตลอด 4-5 วันนั้น จริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ไม่ว่าเจตนาจะเป็นอย่างไร ยุคนี้ สมัยนี้ มันปกปิดกันยากจริง ๆ ครับ