เกิดเหตุไฟไหม้ 'โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย' โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป คาด เพื่อตัดกำลังด้านพลังงาน ขณะที่ยูเครนขอรัสเซียหยุดยิง หวั่นเกิดภัยพิบัติ เป็นเหตุให้ หุ้นร่วง น้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี

 

วันที่ 4 มีนาคม 2565 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) หนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และในยูเครน ทั้งนี้คาดว่า รัสเซียหวังตัดกำลังด้านพลังงาน เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวผลิตกระแสไฟราว 25% ของปริมาณการใช้ทั่วประเทศ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ระดับรังสีที่เพิ่มสูงขึ้นบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้ชาติตะวันตกให้ความช่วยเหลือทางการทหาร และส่งมอบเครื่องบินให้กับยูเครน

ผลจากการที่กองกำลังรัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นแอนเดรย์ ทูซ โฆษกโรงไฟฟ้ากล่าวในวิดีโอที่โพสต์ผ่านบัญชีเทเลแกรมของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

เขากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า แผนกพลังงานของโรงไฟฟ้าถูกโจมตี ด้าน ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน กล่าวว่า “กองทัพรัสเซียระดมยิงจากทุกทิศทุกทางไปยังโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำให้ไฟปะทุขึ้น ชาวรัสเซียต้องหยุดยิงทันที แล้วให้นักดับเพลิงเข้าไปตั้งเขตรักษาความปลอดภัย แต่ทางรัสเซียได้เพิ่มการโจมตีไปทั่วประเทศยูเครน ในขณะที่กองกำลังทหารบาดเจ็บ และล้มตายจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันกับที่ยูเครนเองก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก"

ด้านทบวงปรมาณูสากลระบุว่า ได้รับรายงานถึงเรื่องนี้แล้ว และกำลังประสานกับทางการของยูเครน เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการต่อสู้ เพราะจะเกิดอันตรายร้ายแรง หากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้รับความเสียหาย ซึ่งผลกระทบที่เกิด และมูลค่าความเสียหายจะรุนแรงว่าภัยพิบัติเชียร์โนบีล เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ถึง 10 เท่า

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้โทรหารือกับประธานาธิบดียูเครน ถึงรายงานเพลิงไหม้ที่โรงงานนิวเคลียร์แล้ว แต่เบื้องต้น ระดับกัมมันตรังสียังไม่มีการเปลี่ยนแปลง อันตรายที่ต้องจับตาดูตอนนี้ คือ ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เพลิงไหม้ลุกลามไปถึงโครงสร้างครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ดังนั้น จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ไปปิดเตาปฏิกรณ์ก่อนที่ไฟจะลามไปถึง

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้น และตลาดล่วงหน้า ร่วงหนักทันที โดยตลาดหุ้นล่วงหน้า Dow Jones สหรัฐอเมริกา -0.5%, Nasdaq สหรัฐอเมริกา -1.6%, DAX เยอรมนี -1.2%, CAC ฝรั่งเศส -2.0%, Euro และStoxx 50 ยุโรป -1.3% ด้านตลาดหุ้นที่โซนเอเชียที่เปิดแล้วเช้านี้ Nikkei 225 ญี่ปุ่น -2.0% และHang Seng -2.6%

ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันกลับพุ่งสวนทาง โดยน้ำมันดิบ WTI +2.0% และ Brent +1.4% ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 9 ปี