โฆษกรัฐบาล เผย ยอดค่าใช้จ่ายของรัฐพุ่งแล้วเกือบ 5.4 หมื่นล้านบาท ใช้ได้ถึง 30 เม.ย. นี้ ส่วน ก.คลังเร่งหารือข้อสรุป 2.6 ล้านสิทธิ์ที่ถูกตัดสิทธิ์หลังไม่ได้ใช้ภายในกำหนด ด้าน “นายกฯ” เชิญชวนบริโภคผลไม้ตามฤดูกาลอุดหนุนเกษตรกรและเสริมวิตามิน พร้อมแนะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
วันที่ 5 มีนาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของมาตรการลดภาระค่าครองชีพของรัฐปี 2565 โดยมีจำนวน 3 โครงการ ที่เปิดให้ใช้จ่ายไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 ซึ่งประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 เหตุที่รัฐบาลเพิ่มวงเงินสนับสนุนในการช่วยลดภาระการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชนนั้น เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยความคืบหน้าล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 3 มี.ค. 2565 มียอดผู้ใช้สิทธิ์สะสมรวม 40.72 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมรวม 53,889.99 ล้านบาท แบ่งเป็น
1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 26.23 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 49,420.9 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 25,104.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 24,316.2 ล้านบาท
2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 13.28 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 4,116.12 ล้านบาท
3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 1.21 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 352.97 ล้านบาท
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายในการขับเคลื่อนทุกกลไกเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยุคที่ต้องเผชิญกับผลกระทบของสถานการณ์โควิด -19 โดยรัฐบาลได้มีมาตรการลดภาระค่าครองชีพของรัฐ เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้น และฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งมีผู้ประกอบการบริการร้านค้า ร้านธงฟ้า OTOP รวมทั้งกิจการขนส่งสาธารณะ ร่วมโครงการมากมายโดยถือเป็นโครงการที่ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อยที่ลงทะเบียนไว้ต่างได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลังจากที่ให้สแกนใช้จ่ายสิทธิ์ภายในวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ไม่ใช้สิทธิ์ตามวันที่กำหนด ถูกตัดสิทธิ์จำนวน 2.6 ล้านสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางในระดับนโยบายว่า จะดำเนินการกับสิทธิ์ที่เหลืออย่างไรต่อไป
“ประชาชนสามารถใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 หรือจนกว่าจะใช้จ่ายเต็มวงเงิน 1,200 บาท โดยนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจร่วมกันออกแบบมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในแต่ละช่วงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งต้องวิเคราะห์ปัจจัยหลายด้านควบคู่กัน นอกจากนี้ ท่านนายกฯ ยังได้ติดตามราคาสินค้าเกษตร เพื่อเร่งช่วยเหลือ ชาวนา และเกษตรกร โดยเชิญชวนให้ประชาชนบริโภค และอุดหนุนสินค้าทางการเกษตร รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลในช่วงนี้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มวิตามินซี เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายในการป้องกันโควิด-19 ได้ และขอให้ประชาชนเข้มงวดในมาตรการ Universal Prevention ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังต่อไป” นายธนกร กล่าว