การเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ แตงโม’ ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ถูกจับตาจากสังคมทั้งในและต่างประเทศ ถึงการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นคดีอุบัติเหตุจากความประมาทหรือฆาตกรรม!

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ อดีต ส.ส. และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ติดตามประเด็นนี้มาอย่างต่อเนื่อง เปิดโต๊ะแถลงข่าวเน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ของรูปคดี

“ไม่มีคำโกหกใดที่สมบูรณ์แบบ” ชูวิทย์ เริ่มต้นการแถลงข่าวด้วยประโยคทอง

แล้วกล่าวต่อว่า นี่คือชีวิตจริง! ไม่ใช่ละคร ชาวบ้านติดตามสนใจเหตุการณ์นี้ ผมก็สนใจไปด้วย การติดตามเรื่องของคุณแตงโม กลายเป็นละครซีรี่ส์ ทั้ง ๆ ที่เป็นชีวิตจริง เราควรคืนความยุติธรรมให้แก่คนตาย เพราะคนตายไม่สามารถมาแก้ตัวได้

ทั้งนี้ มีคนปั้นโรงงานน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัว ผสมโรง มีคนที่จะเชือดเฉือน มีคนที่จะถือโอกาสปั้นเรื่อง

ทำไมจึงบอกว่า “ไม่มีคำโกหกใดที่สมบูรณ์แบบ”  ชูวิทย์ อธิบายว่า ตนเองมีคดีเยอะ ท้ายสุด ระลึกและคิดตรองได้ เราไม่จำเป็นต้องหาทนาย เพราะเป็นคดีที่มองเห็นเป็นอื่นไม่ได้

หากฆาตกรรม!!! ทำไมผมต้องไปฆาตกรรมกลางแม่น้ำ ผมไปที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปภูเก็ตล่องทะเล ต้องฟังดูว่า เกิดอะไรแล้วมาวิเคราะห์ ไม่ใช่วิเคราะห์แบบชาวบ้าน

เหตุเกิดในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแวดล้อมไปด้วยโรงแรมสองดาว สามดาว สี่ดาว ห้าดาว มีร้านอาหาร มีวัด ที่ไหนก็มีห้องน้ำทั้งนั้น  ฉะนั้นประเด็นปัสสาวะ ขอร้องทีเถิด เป็นคำโกหกไม่สมบูรณ์ เมื่อคุณโกหก เริ่มต้นโกหก คุณต้องโกหกต่อไป คุณไม่มีทางกลับมาพูดความจริง

คดีมีคนเดียว คุณก็โกหกต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่เมื่อมีคู่คดีสอง สาม สี่ มีห้า ผมอยู่ในคุก ตำรวจจับมา ไอ้นี่บอกเงินใช้หมดแล้ว อีกคนหนึ่งบอกมีเงินเก็บ อีกคนบอกไม่ได้ทำ  แรก ๆ ก็รวมหัวกันดี แต่ตอนหลังแตก เรื่องนี้จึงอยากให้ดูตรงนี้เป็นหลัก การหายไปวันสองวัน เมื่อมีคดีเกิดขึ้น ไม่ใช่วิญญูชน คุณจะไปคิด ไปเครียด หารือใคร แล้วหารือออกมา กลายเป็นว่า ไปโทษคนตาย บอกว่าเค้าปัสสาวะ

นั่นก็เพราะคนตายแก้ตัวไม่ได้ แต่ถามว่า วิญญูชนคนทั่วไป ถ้าเกิดคุณคิดกลางแม่น้ำ แวดล้อมด้วยโรงแรม ขนาดกระเป๋าวางไว้ไม่นั่งติดกัน คิดดูแล้วกัน ไม่สนิทสนม ไปปัสสาวะเปิดเผย

ถ้าไม่เครียด ย่อมคิดได้ว่า เฮ้ย! ไปพูดอย่างนี้ ใครจะไปเชื่อ แต่เมื่ออยู่ในภาวะเครียด คุณจะคิดเรื่องโกหก หัวสมองไม่สามารถปั้นเรื่องโกหกได้สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นวิธีดีที่สุด คือ โทษคนตาย ฉี่ท้ายเรือ ตกน้ำ

ส่วนที่มีข่าวบอกว่า มีผู้ใหญ่นั่งรอที่โรงแรม 5 ดาว ชูวิทย์’ บอกว่าในประสบการณ์ผม ถ้าผู้ใหญ่รอเด็กก็บ้าแล้ว เด็กต้องมานั่งรอผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เลิกคิด เป็นแผนการทำลายล้าง ถ้าเชื่อ...มันก็จะขยายความไป เพราะฉะนั้นเราคุยกันที่ข้อเท็จจริง ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนนั่งรอเป็นชั่วโมง ๆ  มีแต่ทำกันเงียบ ๆ

“เพราะฉะนั้นตัดไปเถอะ อย่าไปโทษคนตาย ไปหาเรื่อง พูดอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงอยู่ที่ว่า มีคนห้าคนที่รู้เหตุการณ์ แต่ห้าคนนี้ไม่พูดความจริงทั้งหมด พูดความจริงบางส่วน ปั้นบางส่วน”

คุณกินไวน์ คุณกินขวดเดียว ไม่มีทาง! ชูวิทย์เชื่อเช่นนั้น แล้วระบุว่า จะบอกให้ ไวน์ขวดเดียว โดยปกติเทได้ 6-7 แก้ว มาตรฐานโลก ไปกัน 5-6 คน เทคนละแก้วหมดแล้ว ไวน์เกินแน่นอน หรืออาจมีอย่างอื่นด้วย ซึ่งผมไม่พูด แต่เมื่อคุณเครียด มีคนตกน้ำไป คุณขับไป กลับมา หาไม่เจอ ถ้าเป็นผม  รอตำรวจ ให้การตามข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อเป็นเรื่องจริง พูด 100 ครั้ง ก็เรื่องจริง 100 ครั้ง คุณโกหกวันนี้ คุณรับความจริง คุณพูดความจริงไม่ได้

เชื่อว่า คุณไปฟังตำรวจแถลง อีกวันสองวันไม่รู้ ข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม ไม่ใช่ล่องเรือไปรอผู้ใหญ่ ไม่มี! แต่เพราะ 5 คนนี้ ไม่ได้พูดความจริง วงจรที่ผมพูดไม่พ้นเรื่อง...

ชูวิทย์ กล่าวถึงนายปอ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 คน ที่อยู่บนเรือ ว่าเห็นมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ทำเต็นท์รถเล็ก ๆ ที่พัฒนาการ ต่อมาเข้าสู่วงจรใกล้ชิดผู้ใหญ่ ด้วยความมีบุคลิกอ่อนน้อม ถ่อมตน รู้จักพูด กิริยามารยาท นุ่มนวล  เพราะฉะนั้นนายปอ เมื่อเข้าสู่วงจรรถหรู จะไปขายนายกา นายไก่ ไม่ได้ ต้องไปขายนักการเมือง คนที่มีเงินเยอะ การพัฒนาไม่ผิด อยากสร้างสตอรี่

“เดี๋ยวนี้ใครก็เป็นไฮโซทั้งนั้น ทำไมไม่มีใครเรียกไฮโซชูบ้าง ต่อมา คุณก็พัฒนาไป ใกล้ชิดกับ ผ. นักการเมืองรถหรู”

พอเป็นรถหรู ก็เข้ามาพัฒนา เริ่มมีเต็นท์รถใหญ่พระราม 9  ยืนยันว่า “ผมรู้ ผมพูด ผมไม่พูดเกินเลย ผมไม่สร้างโรงงานน้ำแข็ง ผมดังพอแล้ว แต่ตรงนี้ มุ่งประเด็นไว้ให้ดี”

ใช่! วันนี้ ตำรวจอาจจะช้าไป เพราะอย่างที่บอก เป็นสไตล์นักสืบ  ถ้าเป็นแป๊ะ (พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.) ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้ว  แต่คุณปล่อยเรื่องนี้ไป ชาวบ้านก็พูดไปเป็นฆาตกรรม มีผู้ใหญ่นั่งรอ คือ คุณคิดตามธรรมชาติ คิดตามปกติพอว่า มีคนที่ไหนจะไปปัสสาวะ ท้ายเรือในลักษระแบบนั้น คิดง่าย ๆ แล้วคิดอีก ว่าการกินไวน์ ขวดเดียว หายตัวไป เพื่อให้แอลกอฮอล์หายออกจากตัว อันนั้นเข้าใจ เสร็จแล้ว คุณมาพูดเรื่องรายได้ จะจ่าย บอกว่าพูด ๆ ได้ จ่ายจริงหรือไม่ อยากจะให้คุณได้เข้าใจคำให้การ ณ ภาวะเครียด

เมื่อให้การใหม่อีกครั้ง ก็ให้การไม่เหมือนกัน เดี๋ยวต้องมี 1 ใน 5 พูด ไปเรื่องนั้น เรื่องนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่พูดวันนี้ ให้คุณเข้าใจว่า ไม่มีคำโกหกใดสมบูรณ์แบบ

“ผมเป็นคนผ่านคดีมาเยอะ เรื่องอย่างนี้ ผมขึ้นศาลได้ โดยไม่ต้องมีทนายความ เพราะมันเป็นความจริง ผมกินไวน์หลายขวด ผมกินแล้วให้คนนี้ขับ ขับไม่เป็น เจอคลื่น กดไปกดมา เรือก็เล็ก ตกลงไป  ตกลงไปกว่าจะวนกลับมา มืดก็มืด ตกใจก็ตกใจ ไม่รู้ว่า วนไปวนมา เรือตัวเองเฉี่ยวถูกขาอีกหรือเปล่า เพราะคนเมา คนตกใจ น่าฟัง เพราะความจริงบิดเบือนเป็นคำโกหก แล้วคำโกหก 5 คน ไม่เหมือนกัน พอหารือ ก็โทษคนตาย แต่ข้อเท็จจริงฟังดูไม่ขึ้น”

ชูวิทย์ ย้ำประเด็นผู้ใหญ่นั่งรอโรงแรมอีกว่า ผู้ใหญ่ที่ไหนมันจะมานั่งรอเด็ก ถ้าใหญ่จริง ไม่มานั่งรอ ไปชื่นชมสะพาน แม่น้ำ แล้ววนมาหาผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฟัง ต้องระมัดระวังอย่างสูง  ความจริงชาวบ้านฟังในโซเชียล ฟังแล้ว...จริง

“คุณแตงโม ทั้งชีวิตเจอครั้งเดียว ทักทายกัน ผมขอให้เขาไปสู่สุคติ แต่คิดว่า ข้อเท็จจริง ความเป็นจริง ควรเอามาพูด ไม่ควรบิดเบือนข้อเท็จจริง และโบ้ยให้คนตายอย่างเดียว ว่าเป็นความผิดแตงโม” ชูวิทย์ ระบุในที่สุด