ยังไม่มีข้อสรุปในทางคดี ‘แตงโม นิดา’ ว่าสุดท้ายแล้ว เกิดจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมอำพราง แต่มีการคาดการณ์ว่า ในวันที่ 11 มี.ค. ตำรวจจะแถลงสรุปปิดคดีนี้

ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยของสังคมที่ยังมีหลายเงื่อนงำไม่กระจ่างชัด โดยเฉพาะร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของแตงโม

กรณีนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดบ่อยครั้ง เพื่อหวังเป็นข้อมูลให้ตำรวจนำไปเป็นหลักฐานในการคลี่คลายคดี

ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวไว้ในรายการหนึ่งถึงสภาพศพของแตงโม ที่นิติเวชไม่ออกมาเปิดเผย จนเขาต้องออกมาพูด เพื่อให้สังคมรับทราบถึงข้อมูลข้อเท็จจริงชุดนี้

ไทด์ เอกพันธ์ กล่าวว่า “ตอนนั้นไทด์เห็นหน้าน้อง ซึ่งมีความรู้สึกว่า ธรรมชาติของศพที่จมน้ำลงไป สมมติ 2 วัน หรือเกือบ ๆ 2 วัน ที่ขึ้นมาตอนนั้น ได้พลิกหน้าน้อง แล้วให้เขาถ่ายรูป ในตาข้างหนึ่ง น่าจะเป็นข้างซ้ายที่ถลนออกมา ข้างขวาปิดบวม ช้ำเลือดช้ำหนอง ไม่ปูดออกมา แต่ธรรมดา การจมน้ำ โดยที่ไม่โดนอะไรตี หรือของแข็งกระแทก ตาสองข้างก็จะเท่ากันทั้งสองข้าง แล้วฟันของน้อง มีน้องชื่อหมู อยู่กับไทด์ในรถตู้วันนั้น ไทด์อยู่ด้านขาของน้อง แล้วน้องหมูอยู่ตรงศรีษะน้องโม เอาเยื่อในกระพุ้งแก้มหาดีเอ็นเอ พอน้องหมู บีบให้ จึงเห็นฟันหัก หลอ”

ไทด์ เอกพันธ์ เน้นย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่ได้พูด เพราะคิดว่ากระบวนการนิติวิทยศาสตร์ผ่าพิสูจน์ น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เลยไม่พูด แต่ถึงวันนี้ยังไม่เห็นคำพูดแบบนั้นออกมาเลย จึงขอพูด

ด้าน พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บาดแผลที่ขา ในประสบการณ์ศพที่มีใบพัดตัด แผลจะรุ่งริ่ง การเจอแผลเดียว เป็นไปได้ยาก แต่ในเชิงวิชาการจะรู้ได้อย่างไรว่าโดนอะไร เมื่อแผลลึกถึงกระดูก

ในต่างประเทศอยากรู้ว่าโลหะอะไรมาโดน เราจะนำกระดูกที่มีรอยตัด ไปสแกนด้วยเครื่องพิเศษดูว่ามีอณูของโลหะชนิดใด และจะตอบได้ว่าเป็นโลหะของฟินหรือใบพัด

อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวต่อว่า ส่วนบาดแผลใบหน้า พูดมาแบบนี้เรื่อย ๆ ถ้าคุณหมอนิติเวชมีความอิสระ ควรจะตอบออกมาแล้ว ไม่ต้องให้สังคมสงสัย และกลายเป็นประเด็นที่พูดออกไปยาวมาก

ทั้งนี้ สภาพศพจมน้ำปกติ โดยหลักการศพจะเท่ากันทั้งตัว แต่ไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป เพราะอาจจะไปโดนอะไรในน้ำ