'บิ๊กวิน' พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ลงสู้ศึกเลือกตั้ง นามอิสระ ย้ำผลงาน 5 ปี 5 เดือน 5 วัน เป็นนักปฏิบัติ ไม่ใช่นักพูด ลั่นพร้อมสานต่องานที่ค้างสมัยหน้า ร่ายยาวย้อนความทรงจำ 'กรุงเทพฯ เมืองเเห่งความหวัง'
ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 8 นั่นก็คือ ‘บิ๊กวิน’ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งได้ยื่นหนังสือลาออกกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในวันที่ 24 มี.ค. ประกาศชัดเจนลงสมัครในนามอิสระ ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ชูนโยบายสานงานต่อ
พล.ต.อ.อัศวิน แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ยืนยันไม่ยึดติดอำนาจ แต่เหตุผลที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หนนี้ เพื่อทำงานที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ และทำสิ่งดีใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นกับสังคมเมืองต่อไป
“ผมจะลงสมัครอิสระ แต่มีกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ห่วงใยบ้านเมือง ตั้งกลุ่มขึ้นมา และสนับสนุนผม เป็นเรื่องที่ขอบคุณ และยืนยันว่ากลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ไม่ใช่นักการเมือง”
อดีตผู้ว่าฯ กทม. ได้แสดงความเห็นถึงว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คนอื่น ว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ น.ต.ศิธา ทิวารี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือแม้กระทั่งสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และรสนา โตสิตระกูล ทุกคนล้วนเป็นคนดีคนเก่ง จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นตัวเลือกหลากหลาย ท่านชอบใคร ให้เลือกเขา “แต่ถ้าท่านหมดตัวเลือก ให้หันมามองอัศวิน” เพราะตัวเองไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ สามารถทำต่อได้เลย
“ผมเป็นนักปฏิบัติ ผมเป็นนักประสาน มนุษย์เราทำคนเดียวไม่ได้ และกำลังคิดว่า จะเปิดรับความความคิดเห็น ของคนหนุ่มสาว คนไฟแรงมาช่วย ยืนยันถ้าเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนหนุ่มคนสาว คนไฟแรง และคนพิการ ครึ่งหนึ่งจะมาเป็นผู้บริหาร กทม.กับผม”
พล.ต.อ.อัศวิน ยังยืนยันว่า ไม่ลงสมัครในนามพรรคการเมืองแน่นอน เพราะต้องการเป็นตัวของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รู้สึกรังเกียจพรรคการเมืองต่าง ๆ และหากถามว่า 5 ปีที่ผ่านมา ภารกิจอะไรยากที่สุด ความจริงแล้ว ยากทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสะอาด หรือพื้นที่สีเขียวที่ WHO กำหนดให้ต้องมีพื้นที่ 9 ตร.ม./คน และ กทม. มีพื้นที่ช่วงแรกเพียง 5.7 ตร.ม./คน และปฏิบัติสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ 7.4 ตร.ม./คนแล้ว
“สิ่งแรกที่ผู้ว่าฯ คนต่อไปควรต้องทำ ถ้าเป็นผม จะนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติ ผมทำทันที ไม่ว่าคูน้ำลำคลอง” อดีตผู้ว่าฯ กทม. กล่าว และว่า 5 ปีที่ผ่านมา ให้คะแนนการทำงานของตัวเองแค่ 5 คะแนน ส่วนอีก 5 คะแนน ให้ในสมัยหน้า
@‘บิ๊กวิน’ ย้อนความหลัง จากเด็ก ตจว. สู่พ่อเมืองกรุงเทพฯ
พล.ต.อ.อัศวิน ยังบอกเล่าความทรงจำในอดีตด้วยว่า เมื่อมีโอกาสได้มารับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะผู้ว่าฯ กทม. ต้องบอกว่า “กรุงเทพฯ เป็นเมืองของความหวัง ที่ทุกคนมีความหวัง” เช่นเดียวกันกับตนเองที่เป็นเด็กต่างจังหวัด มีความหวังว่าอยากจะมาหา มาตามความฝันของตัวเองในกรุงเทพฯ
“ผมเข้ามาเรียนหนังสือ มาตามความฝันของตนเอง มาเรียนหนังสือ มีอาชีพ มีงานมีการทำ”
ผู้ชายคนนี้ยังจำภาพในวัยเด็กได้ อดีตผู้ว่าฯ กทม. ระบุเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ พักอยู่แถวฝั่งธน ไปเดินวงเวียนใหญ่ เล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาหน้าลานคนเมือง สมัยก่อนเรียกว่า สนามกีฬาเทศบาลกรุงเทพฯ เพราะเมื่อก่อนเป็นเทศบาลนครธนบุรีและเทศบาลนครกรุงเทพฯ มีสนามบาส สนามตะกร้อ และเมื่อก่อนแม่น้ำในเจ้าพระยา ใสสะอาด ลงไปว่ายน้ำและงมกุ้งแม่น้ำได้
“ผมจึงมีความหวังว่า เมื่อมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. อยากให้ ชีวิตอย่างนั้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งลูกของผมโตแล้ว คงไม่เล่นอย่างนั้น ต่อไปผมมีหลาน หลานจะเล่นน้ำได้หรือไม่”
พอเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม. วันแรก บ้านผมอยู่ฝั่งธน นั่งรถมาสนามหลวง มองมาทางขวามือ ตรงพระแม่ธรณีบีบมวยผม เห็นคลองหลอด น้ำสกปรก มองเป็นภาพ ไปแถวชายทะเลบางขุนเทียน คุยกับประชาชน ไม่มี รพ.ของรัฐ เลย ประชาชนต้องมาไกลมาก และพยายามสะท้อนให้เห็นปัญหาคลอง น้ำ รพ. ต่าง ๆ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า ไปดูประวัติ ตั้งแต่เป็นตำรวจ ทำคดีส่วนใหญ่จบได้ แต่ไม่เคยแถลงข่าว ไม่ค่อยชอบพูด สิ่งที่เล่าให้ฟังเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ บางท่านอาจจะไม่รู้ว่า ทำอะไรไปบ้าง
ยืนยันว่า “ผมทำ แต่ผมอาจจะไม่ได้พูด หรือแถลงข่าว ผมอาจจะประชาสัมพันธ์ไม่เก่ง ผมเป็นนักปฎิบัติ ไม่ได้เป็นนักพูด”
“ เราพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง ทำในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เยอะแยะ ผมเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ถึงวันนี้ 5 ปี 5 เดือน 5 วัน เข้ามาวันแรก ทำสิ่งที่ค้างคาอยู่เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นอาคารกทม. 2 เปิดไม่ได้ ผม ก็นิมนต์สมเด็จพระสังฆราชไปเปิด มาเริ่มโครงการใหม่ ๆ คูน้ำลำคลอง การขนส่ง รถไฟฟ้า เรือ เป็นการจราจร ไม่ว่าจะเป็นทางรถ ล้อ ราง เรือ เป็นการสัญจรทางเลือก” อดีตผู้ว่าฯ กทม. กล่าว .