ชาวสิงคโปร์เตรียมเฮ! หลังมีการผ่อนมาตรการ 'ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่กลางแจ้ง' ตั้งแต่ 29 มี.ค. นี้เป็นต้นไป พร้อมเปิดประเทศให้ นทท. ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว เริ่ม 1 เม.ย. นี้
(25 มี.ค. 65) สืบเนื่องจากวันที่ 24 มี.ค. 65 สำนักข่าวแชแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ แถลงการทางโทรทัศน์ว่า ตั้งแต่วันอังคารที่ 29 มี.ค. เป็นต้นไป ชาวสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่กลางแจ้งแล้ว แต่ยังคงต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตร ในสถานที่ที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่
“นับตั้งแต่นี้การสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคารจะเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น เนื่องจากความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเมื่ออยู่กลางแจ้งนั้นมีอัตราที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารอยู่”
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป และไม่ต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ รวมถึงการรวมตัวกันเพิ่มจากไม่เกิน 5 คนเป็น 10 คน
ด้านลีเซียนลุง กล่าวอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการล่าสุดนี้ จะช่วยกระตุ้นธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว แต่ยังไม่สามารถเปิดเต็มรูปแบบได้ เนื่องจากเรายังคงต้องเฝ้าจับตาอย่างระมัดระวังเพราะโควิด-19 อาจก่อให้เกิดสิ่งที่เราไม่คาดคิดได้อีก
ผู้นำสิงคโปร์ อธิบายว่า ขณะนี้สิงคโปร์อยู่ในสถานะที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ โดยถือว่าสิงคโปร์ได้ "บรรลุก้าวสำคัญ" ในการรับมือกับโควิด-19 และชี้ว่าสิงคโปร์มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงคืออยู่ที่ราว 95% ของประชากรที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และ 71% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ลีเซียนลุง กล่าวอีกว่า ระลอกการระบาดที่เกิดจากสายพันธุ์โอมิครอนได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดไปแล้ว และกำลังลดลง อีกทั้งขณะนี้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันสูง โดยหลายคนเคยสัมผัสเชื้อ และหายจากการติดเชื้อแล้ว
ทั้งนี้ ลีเซียนลุง กล่าวอีกว่า ในการตัดสินว่าจะผ่อนคลายมาตรการระดับไหน และรวดเร็วเพียงใด ทางการยังระมัดระวังที่จะไม่กดดันเจ้าหน้าที่สาธารณสุข “เราต้องไม่สร้างภาระหนักให้กับบุคลากรสาธารณสุข และไม่ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยอื่นที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน ในขณะเดียวกันเราต้องชั่งน้ำหนักความเสียหายของมาตรการจัดการความปลอดภัยที่มีต่อธุรกิจ และเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน แต่เมื่อคำนึงถึงทุกสิ่งแล้ว เราเชื่อว่าตอนนี้เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในการใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19” ลีเซียนลุง กล่าว