"สิระ" ไม่ขอวิจารณ์พฤติกรรม "มงคลกิตติ์" ลั่น "ทางเสือ เสือเดิน ทางหมา หมาเดิน" ย้ำไม่คิดยุ่ง 'คดีแตงโม' หลังเต้ฝากช่วยไขคดี พร้อมแจงปม "ลุงนิด" ยัน ไม่ได้มองลุงนิดเป็นปลาเพื่อเข้าไปหาประโยชน์ ย้อนถาม ใครกันแน่ที่กินปลาตัวนี้ไปแล้ว

 

วันที่ 25 มีนาคม 2565 นายสิระ เจนจาคะ เจ้าของสำนักกฎหมายสิระ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือ 'ลุงนิด' คนตกปลาที่ถูกทัวร์ลง ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ว่า พรุ่งนี้ได้นัดทีมทนาย และลุงนิดเวลา 9 โมง เพื่อยกร่างคำฟ้อง และดูข้อเสียหาย มีอะไรบ้าง เกิดความเสียหายกี่ครั้ง จะดำเนินการฟ้องทั้งหมด รวมถึงจะมีการพูดคุยกันเรื่องของการร้องจริยธรรมไปที่ ป.ป.ช. ด้วย

ด้าน นายสิระ ยังกล่าวอีกว่า การกระทำของนายมงคลกิตติ์ ทั้งเรื่องของการไปกดดันเจ้าหน้าที่ และการอ้างถึงรัฐมนตรี ไปขอคลิปจากกรมเจ้าท่า มันชัดเจน เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 (1) ที่ห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้ตําแหน่งการก้าวก่าย หรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดําเนินงานในหน้าที่ประจําของข้าราชการ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ซึ่งต้องดูว่าบรรดานักร้องทั้งนายศรีสุวรรณ จรรยา หรือนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จะมีใครหยิบยกเรื่องนี้ไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ แต่หากไม่มีใครร้อง จะดำเนินการเอง เพราะมีโทษถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.

ส่วนที่นายมงคลกิตติ์ ออกมาขอโทษลุงนิดแล้ว แต่นายสิระ มองว่า การขอโทษผ่านเฟซบุ๊กนั้นดูไม่จริงใจ อีกทั้งยังไม่เห็นความพยายามในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบเลย ไม่มีการไหว้สวย ๆ หรือมอบกระเช้าแต่อย่างใด เป็นถึงผู้ทรงเกียรติ ได้ทำการรับผิดชอบเพียงพอแล้วหรือยัง อีกทั้งการที่นายมงคลกิตติ์ออกมาขอโทษนั้นมันเป็นการมัดตัวเองว่า ได้กระทำให้ลุงเสียหายจริง หากเป็นในทางคดีอาญา ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว หลักฐานการโพสต์ขอโทษสามารถนำไปใช้ในชั้นศาลได้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อนายมงคลกิตติ์ขอโทษแล้วจะฟ้องหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ให้เป็นสิทธิ์ของลุงนิด เพราะตนเองเป็นเพียงที่ปรึกษา หากลุงนิดอยากจะยกเลิกการฟ้องร้องตนเองก็พร้อมดำเนินการให้

พร้อมยืนยันว่า ที่เข้ามายุ่งทำคดีให้ลุงนิด ไม่ได้หิวแสง เพราะหากต้องการแสงจริง ๆ นั้น ตนเองเข้าไปยุ่งในคดีนี้ตั้งแต่แรกแล้ว อย่างเช่นการกุเรื่องว่า ผีมาหา ตนเองก็ทำได้ แต่ตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่ง ดังนั้นไปดูเอาเองว่า ใครกันแน่ที่หิวแสง

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ตนเองเห็นลุงนิตเป็นปลาที่เขาตก นายสิระ กล่าวว่า ที่เข้าไปยุ่งคดีนี้เพราะลูกสาวลุงนิดโทรมาร้องไห้ ขอให้ช่วยพ่อ จึงต้องถามว่าระหว่างคนที่เข้ามาช่วยกับคนที่ทำให้ลุงเสียหายใครกันแน่เป็นคนตกปลาตัวนั้นไปกิน ใครได้ประโยชน์กับปลาตัวนี้มากกว่ากัน ไปดูเอง

"ต้องถามว่าไอ้คนที่วิ่งที่นู่นที่นี่ แล้วให้ลุงยิ่งกว่าเป็นปลาอีก คนแสวงหาได้กินปลาไปแล้วด้วย ได้ประโยชน์ไปแล้วด้วย มีการแถลงข่าว ใช้ในนามพรรคแถลง ใส่เสื้อพรรคแถลงข่าว แล้วได้ประโยชน์ทางการเมือง ถ้าเปรียบลุงนิดเป็นปลา พรรคการเมือง ไอ้คนแถลงข่าว ทำให้ปลาโดนกินไปแล้ว ทำให้ปลาเสียหายไปแล้ว ใครกันแน่ ที่หาผลประโยชน์กับปลาตัวนี้"

นายสิระ ยังยืนยันด้วยว่า ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยลุงนิด ไม่ใช่เป็นเพราะคู่กรณีเป็นนายมงคลกิตติ์ และไม่ว่าจะกรณีไหน หากประชาชนถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมก็พร้อมที่จะเอาสำนักงานกฎหมายผมเข้าไปช่วยเหลือทุกคน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน หากทำให้ประชาชนเดือดร้อน ติดต่อมาได้เลย

นายสิระ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ อยากให้ตนเข้ามาช่วยกันทำคดีนี้ โดยใช้ความรู้ความสามารถที่เคยเป็นอดีตประธานกรรมาธิการการกฎหมาย ว่า ความจริงแล้วคดีนี้ตนไม่เคยคิดอยากจะไปยุ่ง เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่พยาน ไม่ได้พบหลักฐาน ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่ใช่ญาติ และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ติดตามคดีนี้เลย ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่การที่เข้ามาก็เพียงเข้ามาเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับลุงนิต ซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย จากการกระทำของ ส.ส.คนหนึ่ง ดังนั้นเรื่องคดีของแตงโม ตนขอไม่ยุ่ง

"เขาให้ผมเป็นที่ปรึกษากฎหมาย เรื่องของคนที่มาละเมิดลุงนิดเท่านั้นเอง เรื่องอื่นผมไม่เกี่ยวข้อง เราไม่รู้เรื่อง เราไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เป็นทายาท ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ หรือเป็นพยานเป็นที่ประจักษ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ผมพูดตรง ๆ นะ ผมไม่เข้าไปเสือกหรอกเรื่องนี้"

ส่วนกรณีล่าสุด ที่นายมงคลกิตติ์ บอกให้ฝ่ายกฎหมายเช็กประวัติของตนเอง และมีการโพสต์เชื่อมโยงลักษณะว่า ฝาก ผบ.ตร. ตรวจสอบเรื่องบ่อนการพนันที่ฝั่งธนนั้น นายสิระ กล่าวว่า อยากให้นายมงคลกิตติ์ พูดตรง ๆ และพูดชัด ๆ ว่า ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน จะได้โดนอีกคดีหนึ่ง และหากมีบ่อนจริงควรไปแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่มาโพสต์แบบนี้ พร้อมย้ำชัดว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวล หากนายมงคลกิตติ์อยากเช็กประวัติอะไร เพราะตนเป็นคนเปิดเผย ไม่มีอะไรปิดบัง จะเช็กก็เช็กได้เลย ตนทำแค่บริษัทเท่าที่เห็น ไม่มีธุรกิจมืดใด ๆ

"พูดตรง ๆ มาไหม ถ้าพูดตรง ๆ มาเจออีก 1 คดี ตรงไหมชัดเจนไหม ผมไม่สนใจใครหรอก หน้าอินทร์หน้าพรหม ถ้าหนึ่งละเมิดสิทธิ์ ผมก็ต้องจัดการปกป้องสิทธิ์ของผม ไม่ใช่แค่มงคลกิตติ์หรอก แต่มีหลายคนที่เช็กก่อนหน้านี้ เขาเช็กอยู่แล้ว เช็กมาเลย นี่เล่นการเมืองยังไงผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจพฤติกรรมไม่เข้าใจในความคิด คุณมีหน้าที่ทำอะไร คุณก็ทำไป ต่ถ้ามาให้ร้ายผม และถ้าผมมีหลักฐาน รอหมายศาลแล้วกัน"

เมื่อถามย้ำว่า แบบนี้จะญาติดีกันได้หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ตนเองไม่จำเป็นจะต้องไปมีความสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่านายมงคลกิตติ์ หรือส.ส.คนไหน ตอนนี้ตนเองอยู่สบายแล้ว อย่าเอาตนเองเข้าไปเกี่ยวหรือเป็นคู่ขัดแย้ง

สุดท้าย เมื่อถามว่ามองพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ที่เฟดตัวออกจากคดีอย่างไร นายสิระ ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับคน ๆ นี้ ขอเพียงว่า หากมีการไปออกโทรทัศน์ หรือให้สัมภาษณ์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนหรือตนเอง ก็จะเก็บหลักฐานเท่านั้น ส่วนพฤติกรรม นิสัย ที่มาที่ไปของคน ๆ นี้ ตนเองไม่ขอยุ่ง เพราะยุ่งไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตตนดีขึ้น หรือทำให้ชีวิตของตนเองมีความสุข "ทางใครทางมัน ทางเสือ เสือเดิน ทางหมา หมาเดินไป"