รับฟังความคิดเห็นเขื่อนป้องกันกัดเซาะ 'หาดเเม่รำพึง' จ.ประจวบฯ กรมโยธาฯ เดินหน้า อ้างเป็นโครงการร้องขอของ อบต. ด้าน อ.ศศิน เเนะควรเเก้กัดเซาะเฉพาะจุด เติมทราย ใช้งบฯ น้อย


เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมโยธาธิการจัดการประชุมเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายทะเล พื้นที่หมู่ที่ 5 หาดเเม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการรับฟังความเห็นประชาชนครั้งนี้ กรมโยธาธิการได้ชี้เเจงโครงการ เเละระบุถึงการขอปรับเเก้พื้นที่ดำเนินโครงการ จากบริเวณร้านอาหารหาดสมบูรณ์-ร้านอาหารจิ๊บจ๊อย ไปเป็นบริเวณคลองบางสะพาน-ลานพักผ่อนบ้านปากคลอง ความยาว 966 เมตร โดยมีโครงสร้างกำเเพงกันคลื่น 3 รูปเเบบ

โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการร้องขอโดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เเม่รำพึงในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เเละผลการศึกษาพบว่า มีการกัดเซาะชายฝั่ง กรมโยธาธิการจึงต้องดำเนินการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่น

ด้าน ผอ.บุญจิรา เผดิมรอด สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง เเละ ผอ.ณรงค์ หมัดสุข กรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง ซึ่งได้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นในโครงการดังกล่าว ยืนยันจากการทำรายงานการกัดเซาะชายฝั่งว่าพื้นที่ชายหาดเเม่รำพึง ไม่ได้มีการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนเเรง ตามที่กรมโยธาธิการกล่าวอ้าง และหาดแม่รำพึงยังเป็นพื้นที่สมดุลของตะกอนทรายอีกด้วย

ขณะที่อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการกัดเซาะหาดแม่รำพึงนั้นเป็นผลกระทบจากพายุปลาบึกหรือพายุที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งโอกาสเกิดนาน ๆ ครั้ง กรมโยธาฯ ควรป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะเฉพาะจุด เพราะการกัดเซาะในครั้งนั้นเป็นการกัดเซาะชั่วคราว และไม่รุนแรง ซึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะจุดเช่นการเติมทรายเป็นการแก้ไขปัญหาที่ใช้งบประมาณน้อย อีกทั้งยังช่วยรักษาภูมิทัศน์ชายหาดอีกด้วย

ส่วนนายนราวิชญ์ กิตติพงศ์ธนกิจ ตัวเเทนกลุ่ม ประชาชน Saveหาดแม่รำพึง จ.ประจวบฯ ได้ตั้งข้อสังเกตต่อโครงการดังกล่าว ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้นในช่วงพายุปาบึก ปี 2561 นั้น ได้ถูกเยียวยาความเสียหายเเล้ว เเละปัจจุบันสภาพชายหาดไม่ได้กัดเซาะชายฝั่งรุนเเรง เเละคืนเข้าสู่สภาพปกติเเล้ว โดยเฉพาะบริเวณที่จะทำการย้ายโครงการไปซึ่งก็คือชายหาดที่หมู่บ้านปากคลองที่สภาพหาดเข้าสู่ภาวะปกติไปแล้ว โครงการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นของกรมโยธาจึงไม่มีความจำเป็น ประกอบกับ การก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นมีขนาดใหญ่ ซึ่งจะวางปิดทับชายหาดตลอดเเนวชายหาดเม่รำพึงซึ่งทำให้สูญเสียชายหาดเเม่รำพึงไป จะส่งผลกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้านที่ชาวประมงพื้นบ้านจะต้องแบกรับผลกระทบในการพัฒนาตามที่ตามที่กรมโยธาธิการกล่าวอ้าง และจะกระทบต่อโอกาสทางเศรษฐกิจในการท่องเที่ยวริมชายฝั่งเม่รำพึง โดยจุดเด่นของการท่องเที่ยวอำเภอบางสะพานคือทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นๆ ที่ผ่านมามีตัวอย่างการก่อสร้างกำพงกันคลื่นที่มีลักษณะเดียวกันนั้นเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เช่น หาดทรายเเก้ว จ.สงขลา หรือ หาดชะอำใต้ จ.เพชรบุรี ซึ่งทำให้ชายหาดหายไป เเละส่งผลต่อการท่องเที่ยวเเละธุรกิจริมชายหาด

อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตเรื่องการเปิดเผยข้อมูลรายงานผลกระทบ ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองนั้นไม่ยอมเปิดเผยให้เป็นสาธารณะ และเรื่องการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของประชาชนในเขตโครงการ ที่กรมโยธาให้สัญญาว่าจะไม่รื้อถอน โดยที่กรมโยธาฯไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่แต่เป็นกรมเจ้าท่าและกรมทางหลวงชนบทที่เป็นเจ้าของพื้นที่หน้าหาดมีอำนาจในการสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านที่อาศัยมานานหลาย 10 ปี หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง

เครือข่ายประชาชน Saveหาดเเม่รำพึง ยังระบุว่า ขอให้กรมโยธาธิการ ยกเลิกโครงการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นหาดเเม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ โดยเร็วที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ปชช.จี้ท้องถิ่น-กรมโยธาฯ ยกเลิกกำเเพงกันคลื่น 'หาดเเม่รำพึง' หากสร้างยิ่งกระทบชายหาด-การท่องเที่ยว