สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการรัสเซีย เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการส่งความช่วยเหลือให้ยูเครน เนื่องจากอาจเป็นการเติมเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง
วันที่ 16 เมษายน 2565 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ส่งหนังสือทางการทูตอย่างเป็นทางการไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยระบุวันที่ เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย. 65) ที่ผ่านมา เพื่อเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ว่า การเดินหน้าจัดส่งระบบอาวุธไปให้ยูเครน อาจเป็นการเพิ่มเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง และนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้
โดยอาวุธที่มีความละเอียดอ่อนสูงสุดที่รัสเซียได้กล่าวถึงนั้น ได้แก่ ระบบยิงจรวดหลายชนิด แม้จะยังไม่มีรายงานว่าสหรัฐฯ และ นาโตได้จัดส่งระบบยิงจรวดดังกล่าวให้แก่ยูเครน แต่ทางรัฐบาลเครมลินก็กล่าวหาว่าสหรัฐฯ และ นาโตละเมิดหลักการอันเข้มงวดในการจัดส่งอาวุธไปยังพื้นที่ขัดแย้ง และชี้ว่า รัสเซียมีภัยคุกคามจากอาวุธที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งตกไปอยู่ในมือของกองกำลังชาตินิยมหัวรุนแรง และสุดโต่งในยูเครน
“เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรยุติการขยายอิทธิพลทางทหารของยูเครนอย่างไร้ความรับผิดชอบ แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ต่อความมั่นคงระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ”
ทั้งนี้ หนังสือการทูตดังกล่าวถูกส่งถึงรัฐบาลวอชิงตัน ในระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ขยายการจัดส่งอาวุธแก่ยูเครน ในงบประมาณ 800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 27 หมื่นล้านบาท
โดยอาวุธที่สหรัฐฯ จัดส่งให้ยูเครนรอบนี้ รวมถึงปืนใหญ่วิถีโค้ง (Howitzers) ขนาด 155 มม. ที่โจมตีได้ไกลถึง 22 กิโลเมตร ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์ โดรนป้องกันชายฝั่ง และยานยนต์หุ้มเกราะ รวมถึงระบบอาวุธต่อต้านอากาศยาน และรถถังแบบพกพา รวมถึงกระสุนปืนอีกหลายล้านนัด
นอกจากนี้สหรัฐฯ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกลไปยังยูเครน รวมถึงการจัดส่งระบบยิงขีปนาวุธ S-300 ของสโลวาเกีย ที่ผลิตในรัสเซียตั้งแต่ยุคโซเวียต ซึ่งทหารยูเครนได้รับการฝึกใช้งานแล้วโดยสหรัฐฯ
โดยสหรัฐฯ จะจัดส่งระบบขีปนาวุธ 'แพทริออต' ให้แก่สโลวาเกียเป็นการแลกเปลี่ยน