มติ ศบค. ชุดใหญ่ ยกเลิก Test & GO เข้าประเทศ เปลี่ยนเป็น ATK อนุญาตดื่มเเอลกอฮอล์ในร้านถึง 24.00 น. เริ่ม 1 พ.ค. ขอความร่วมมือ นร. ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 เม.ย. 2565 ที่ประชุม ศบค. มีมติปรับมาตรการควบคุมโรค เริ่ม 1 พ.ค.นี้ . โดยให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ได้ถึง 24.00 น. ทั่วประเทศ (จากเดิม 23.00 )
ทุกพื้นที่ต้องเน้นย้ำมาตรการ Universal Prevention, Universal Vaccination และมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนี้เพิ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเป็น 12 จังหวัด ได้เเก่ กทม. กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่)
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดเป็น 65 จังหวัด
นอกจากนี้จะมีการคลายล็อกมาตรการเข้าประเทศ โดยยกเลิก Test & GO เป็นการตรวจ ATK เเทน พร้อมขอความร่วมมือให้เด็กนักเรียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนเปิดเรียนเเบบออนไซด์
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิค 19 หรือ ศบค. เปิดมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ขณะนี้ในหลายประเทศได้มีการผ่อนคลายมาตรการ และเมื่อเทียบกับอัตราส่วนการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อแม้จะสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องนำมาวิเคราะห์ รวมถึงอัตราการครองเตียง โดยระบบ "เจอ แจก จบ" ที่มีผู้มารับบริการแล้ว 1,777,974 คน สามารถช่วยให้มีเตียงรองรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง และสีแดงได้เพียงพอ โดยสถิติของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและมีโรคประจำตัว ส่วนจะนำไปสู่การประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นนั้น ตอนนี้ยังมีบางจังหวัดอยู่ในระยะที่ต้องต่อสู้กับการระบาดไม่เท่ากัน โดยการจะประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้อัตราการเสียชีวิตจะต้องน้อยกว่า 0.1% รายสัปดาห์ และต้อง 2 สัปดาห์ต่อกัน ที่ใช้ อัตราผู้เสียชีวิต จากโควิด-19 หารด้วยจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาคูณด้วย 100
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาปรับระดับพื้นที่โซนสีตามสถานการณ์ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จะมีเพียงพื้นที่สีเหลือง ที่จะเติมมี 47 จังหวัดเป็น 65 จังหวัด และสีฟ้า จาก 10 จังหวัดเป็น 12 จังหวัด คือ เพิ่ม จ.ระยอง และสงขลา และมีจังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ 16 จังหวัด ซึ่งจะไม่มีพื้นที่สีส้มแล้ว
ขณะที่มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ต่าง ๆ ยังคงไม่อนุญาตให้เปิดผับบาร์คาราโอเกะเต็มรูปแบบ แต่สามารถปรับให้เป็นร้านอาหารได้ และ อนุญาตให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น.
ส่วนแนวทางการจัดการผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ของผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อโควิค-19 ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 5 วันและสังเกตอาการตนเอง 5 วัน
สำหรับมาตรการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขในการเปิดภาคเรียนเดือน พ.ค. นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้เด็กเรียนปลอดภัยแบบออนไซต์ จึงต้องให้เด็ก ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น 3 เข็ม ในระดับชั้นประถมศึกษาด้วย โดยโรงเรียนจะต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Soft Covid Pass ขณะที่โรงเรียนประจำ ก็มีมาตรการจัดการอีกแบบหนึ่ง เพื่อให้อยู่กับโควิดให้ได้ ทั้งนี้ ยังมีแผนการเข้าถึงวัคซีนในเด็ก ให้มากขึ้นและสามารถเปิดภาคเรียนได้
นอกจากนี้ที่ประชุมศบค.ยังมีการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.จะยึดการฉีดวัคซีนเป็นตัวหลัก หากมาผ่านระบบ Thailand Pass ให้แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน กับหลักฐานการประกันสุขภาพ-ประกันภัย วงเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ โดยมาถึงไทยไม่ต้องตรวจหาเชื้อ หากระหว่างการพำนักอยู่ในประเทศไทยมีการติดเชื้อก็เข้าสู่ระบบการรักษา ได้ทุกที่ ในประเทศไทย ส่วนกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้าระบบกักตัวในห้องพัก (AQ) และต่างหากผู้ที่เดินทางเข้ามา ที่ก่อนเดินทางได้มีการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และไม่มีเชื้อ ก็อนุญาตให้เข้าประเทศได้เช่นกัน