ไม่พลิกโพล! ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง รักษาเก้าอี้ผู้นำฝรั่งเศสไว้ได้ ขึ้นแท่นประธานาธิบดีคนแรกในรอบ 20 ปีที่ได้เป็นผู้นำฝรั่งเศสถึง 2 สมัย ส่วนผลคะแนน ชนะ 'มารีน เลอ แปน' ผู้ท้าชิงจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด ขาดลอย
วันที่ 25 เมษายน 2565 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส สามารถรักษาเก้าอี้ผู้นำฝรั่งเศส ที่มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปีได้อีกสมัย ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (24 เม.ย. 65) ที่ผ่านมา โดยหลายฝ่ายมองว่าได้ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองโลกเอาไว้ได้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส กล่าวขอบคุณสั้น ๆ หลังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้กับ 'มารีน เลอ แปน' ผู้ท้าชิงจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด โดยขอบคุณผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ตนเอง ไม่ใช่เพียงเพราะสนับสนุนในวิสัยทัศน์ของเขาเท่านั้น แต่เพราะต้องการต่อต้านเลอ แปน ตัวแทนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดด้วย และยังกล่าวว่าตนเองจะไม่เป็นแค่ตัวแทนจากพรรคหนึ่งพรรคใดอีกต่อไป แต่จะเป็นประธานาธิบดีของทุกคน
หลังปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส มารีน เลอ แปน ผู้ท้าชิงจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ตัวแทนพรรคการเมืองสายกลาง
ในขณะที่โพลที่จัดทำโดยสำนักวิจัยหลายแห่ง คาดการณ์ว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง จะได้รับเลือกเป็นผู้นำฝรั่งเศสต่ออีกสมัย ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสเมื่อ 5 ปีก่อน มาครง กลายเป็นผู้นำฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัย 39 ปี และคว้าชัยเหนือ เลอ แปน แบบถล่มทลายในตอนนั้น แต่ในผลสำรวจหลังปิดคูหาการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ทั้งจาก Opinionway, Harris, Ifop และ Ipsos ชี้ว่า มาครง จะได้รับคะแนนเสียงราว 57.6-58.2%
หากเป็นไปตามการสำรวจทั้งหลาย เท่ากับว่าเอ็มมานูเอล มาครง จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบ 20 ปีที่ได้เป็นผู้นำฝรั่งเศสถึงสองสมัย และเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองฝรั่งเศสที่รักษาเก้าอี้ผู้นำสมัยสองเอาไว้ได้
ในวันเดียวกันนั้น (24 เม.ย. 65) ตำรวจปราบการจลาจล โดยยิงแก๊สน้ำตา และจับกุมผู้ประท้วงกลางกรุงปารีส ของฝรั่งเศส ที่ชุมนุมประท้วงหลังชัยชนะของประธานาธิบดีมาครง ผู้ชุมคนที่ส่วนใหญ่เป็นคนอายุน้อยได้รวมตัวปักหลักประท้วงบริเวณ Chatelet ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่คล้ายกับการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่นักศึกษาฝรั่งเศสออกมาชุมนุมประท้วงที่กรุงปารีส แสดงความไม่พอใจกับ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่ประชาชนต้องออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกกันในครั้งนี้