"ภาพที่เกิดปัญหาที่เราหยิบยกมาอธิบายลักษณะบาดเเผลที่มีลักษณะโค้งเว้า ซึ่งในวีดิทัศน์ในวันเเถลงข่าว (26 เม.ย) เราใช้คำว่า บาดเเผลที่มีการโค้งเว้าลักษณะเช่นเดียวกัน ในลักษณะนี้ เรามีข้อจำกัดทางกฎหมาย ไม่สามารถใช้บาดเเผลจากศพมานำเสนอได้ ซึ่งบาดเเผลจากศพ หลังจากการเย็บเเล้วจะมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปตัวเอส ทีมงานที่จัดทำภาพนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบ เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงบาดเเผลโค้งเว้าในรูปตัวเอสเป็นลักษณะอย่างไร" 

นี่คือคำชี้เเจงของ พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1 ตอนหนึ่ง หลังจากสังคมงัดหลักฐานโต้ปมตำรวจ เจ้าของสำนวนคดีเเตงโม นำเสนอวีดิทัศน์ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการชันสูตรศพ โดยมีการนำภาพการเย็บเเผลจากต่างประเทศมาเทียบเคียงการเย็บเเผลของเเตงโม เเละระบุเชื่อว่า อาจเกิดจากใบพัดเรือ

เบื้องต้น ตำรวจออกมายอมรับเเละขอโทษ อย่างไรก็ดี ยังยืนยันว่า การนำเสนอเพียงต้องการสื่อถึงรูปบาดแผลที่มีลักษณะเป็นรูปตัวเอสเท่านั้น!!! 

ไม่มีเจตนาบอกว่าบาดแผลเกิดจากใบพัดเรือ กระนั้น พ.ต.อ.วรชาติ ระบุภาพบาดแผล สามารถค้นหาได้ทาง google โดยใช้ KEY WORD “ BOAT PROPELLER WOUNDS " ซึ่งมีทั้งบาดแผลในคนและสัตว์ โดยตำรวจได้ศึกษางานวิจัยของต่างประเทศ ในเรื่องคนที่ถูกใบพัดเรือฟันในลักษณะต่าง ๆ เเล้ว 

เมื่อตำรวจถูกจับโป๊ะ เเม้จะออกมาเเก้ต่างว่า "ไร้เจตนาสื่อความหมายเช่นนั้น" เเละการเเถลงข่าวเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ใช้คำว่า “บาดแผลที่มีการโค้งเว้า ลักษณะเช่นเดียวกัน” 

ทว่า เมื่อย้อนฟังรายละเอียดในวีดิทัศน์ มีการบันทึกเสียงไว้ชัดเจนว่า "แผลที่ 1  ซึ่งเป็นแผลใหญ่ที่สุด มีขนาดกว้าง 7 ซม. ยาว 26 ซม.  ความลึกของแผล มุมบนและล่างของบาดแผล ลึก 1.5 ซม.  กลางแผล 4.5 ซม. เปรียบเทียบกับขนาด องศา และความเว้าของใบพัดแล้ว เป็นในลักษณะเข้ากันได้กับบาดแผล

อีกทั้งเมื่อเย็บบาดแผลบนศพ พบลักษณะบาดแผลมีการโค้งเว้า เมื่อจำลองใบพัดเรือทำบนเรือ จะได้ใบพัดแนวเว้าโค้งในลักษณะเดียวกันและยังมีข้อมูลอ้างอิงจากกรณีต่างประเทศที่มีคนเคราะห์ร้ายที่มีใบพัดเรือชนิดเดียวกันที่ขา จะพบว่าบาดแผลหลังการเย็บมีลักษณะเว้าโค้งเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าบาดแผลนี้เกิดจากการโดนใบพัดเรือ"

จะเห็นได้ว่า ในการเเถลงข่าววันก่อน ตำรวจได้กล่าวไว้ในวีดิทัศน์ชัดเจนว่า "กรณีต่างประเทศที่มีคนเคราะห์ร้ายที่มีใบพัดเรือชนิดเดียวกันที่ขา" ส่วนเจตนาที่เเท้จริงจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ตำรวจได้ตอบสังคมเเล้ว!