สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 โคราช เตือนประชาชน 6 กลุ่มเสี่ยงเป็น "ฮีทสโตรก" อยู่กลางแดดร้อนจัด อาจถึงตายได้
วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา กล่าวเตือนพี่น้องประชาชนว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัด และมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้ป่วยเป็นโรคฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือ โรคลมแดด ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้ โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย มึนงง หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง จนถึงช็อก และอาจเสียชีวิตได้
ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป มี 6 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น ออกกำลังกาย
2.เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว
3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง
4. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
5. ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ โดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ
6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็ว และแรงขึ้น ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิต
จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนาน ๆ สวมแว่นกันแดด กางร่ม สวมหมวกปีกกว้าง ดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ส่วนผู้ที่ออกกำลังกายควรเลือกทำในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมากนัก และเป็นเวลาที่เหมาะสม โดยหากสงสัยว่า อาจมีอาการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้ดื่มน้ำเย็นและเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ให้อยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี ถ้ามีอาการรุนแรงหรือช็อกหมดสติ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422