“อิงฟ้า มิสแกรนด์ฯ” เผยเป็น LGBTIQ เพราะมันคือความสุขที่เลือกเอง หลังเกิดกระเเสจิ้นกลางกอง พร้อมเผยเคล็ดลับวิธีการฝ่าดรามา
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ "อิงฟ้า วราหะ" มิสเเกรนด์ไทยเเลนด์ 2022 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ เคลียร์ทุกประเด็น
พูดถึงความภูมิใจของเราในวันนี้หน่อย?
-ดีใจมาก ๆ รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ที่ทำให้แม่ได้แล้ว มันเป็นความฝันของแม่กับการเดินทางบนเส้นทางความฝันสายนี้ ซึ่งแม่เค้าเองก็ป่วยอยู่ด้วย พอหลังจากเราได้ตำแหน่ง อาการป่วยแม่ก็ดีขึ้นด้วย
กำลังใจสำคัญที่สุดของเราก็คือแม่ใช่ไหม?
-หนูว่าหนูโชคดีที่เกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่น ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่อยู่เเล้ว แต่ก็ยังมีทั้งพี่สาวและแม่ ที่จะทำให้เราออกไปสู้กับโลกภายนอกได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรคอะไร เราก็สามารถจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้
พูดถึงความภูมิใจบนหน้าเวที กับภาพความทรงจำของเราหน่อย?
-คือตอนแรกหนูยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนที่อยู่บนเวทีก็เเอบเห็นพี่ณวัฒน์ยืนดูอยู่ ก็เลยดีใจที่เขาเลือกเรามาแล้วเขามีความสุข ตอนแรกเราไม่เห็นเเต่พอเรากลับมาก็เห็นแฟนคลับและพี่สาวให้ดูรูป เเละเรารู้สึกคุ้น ๆ เหมือนที่ตอนที่คุณพ่อยังอยู่ เราก็นึกถึงพ่อเลยตอนนั้น มันก็เลยให้น้ำตาแตกกับความดีใจ ก็เลยรู้สึกว่าเราน่าจะเจอเขานานแล้ว เพราะมันเหมือนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริง ๆ
แฟนคลับก็ให้กำลังใจ สำหรับตัวเราเยอะเองมากมั้ย?
-คือทำให้เรารู้สึกว่าเวลาเจอปัญหาต่าง ๆ อะไรก็แล้วแต่ เเล้วเเค่เราหันหลังกลับไปก็เจอคนที่คอยซัพพอร์ตเรา ไม่ว่าจะเป็นเเฟน ๆ เป็นเพื่อนหรือว่าครอบครัวของเรา ที่คอยให้กำลังใจเรา จนสามารถก้าวผ่านปัญหาไปได้อย่างรวดเร็ว
กลายเป็นพี่ใหญ่ของเพื่อนในกอง ที่สามารถจะดูแลน้อง ๆ ได้ เรารู้สึกยังไงบ้าง?
-อบอุ่นค่ะ เพราะว่าการประกวดนั้นเราเคยพูดบ่อย ๆ ว่าไม่จำเป็นต้องประกวด เพื่อจะเอาชนะหรือสร้างศัตรูกับใคร ที่มาเเบบไม่สนอะไรเลย เพราะจริง ๆ อะไรที่มันซัพพอร์ตและช่วยเหลือได้ เราก็ทำแล้ว ทุกวันนี้จบการประกวดไป ทุกคนก็ยังน่ารักอยู่เลย ยังมาเจอมาจอยกันเหมือนเดิม มันก็เป็นภาพบรรยากาศเป็นครอบครัวที่มีความทรงจำที่ดีที่เราจะไม่ลืมเลย
ตั้งตัวทันไหม ที่ตอนนี้เรากลายเป็นซุปตาร์ในวงการนางงามไปแล้ว?
-ก็เสียดายที่คุณพ่อไม่ได้อยู่เห็นภาพนี้ แต่เรารู้ว่าพ่อเค้าอยู่ในทุกช่วงขณะทุกเวลาของเราอยู่แล้ว ทั้งครอบครัวที่รัก เชื่อว่าเค้าก็ภูมิใจที่เห็นเรามีแฟนคลับมีคนที่รักเรา ซึ่งคุณเเม่เคยบอกว่ามันคือสิ่งที่เราควรจะได้รับมานานแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะอายุ 27 แล้ว ก็ไม่สายเกินไป
อยากจะบอกอะไรกับเหล่าเเฟนคลับของเราไหม?
-อยากจะขอบคุณ ซึ่งเราจะขอบคุณตลอดเลย เพราะไม่รู้จะพูดคำไหน สิ่งที่เราจะทำได้มากกว่าคำพูดคือจะทำให้เขาภูมิใจกับการที่ว่าเค้าเป็นคนเหมือนครอบครัวหนู เค้าจะได้เห็นการเจริญเติบโตของเราไปเรื่อย ๆ เราจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองและจะไม่หยุดการสร้างผลงานดี ๆ ให้กับพวกเค้าที่มาคอยซัพพอร์ตและติดตามเรา
พูดถึงอีกหนึ่งกลุ่มแฟนคลับที่เชียร์เรา จนเกิดกระเเสจิ้นกับ “ชาล็อต” หน่อย?
-ก็น่ารักค่ะ ล่าสุดจะซื้อที่ดินซื้อดาวอะไรให้ด้วย ก็น่ารักดี ซึ่งมันเป็นมุมที่โลกมันเปิดกว้าง สิ่งไหนที่คุณทำแล้วมีความสุขเราก็ยินดี และอยากจะขอบคุณที่ทุกคนให้ความสนใจทั้งเราและน้อง จะเป็นมุมน่ารัก ๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนที่มันเกิดขึ้น
เราเป็นอีกคนหนึ่งที่เปิดกับความรู้สึกตัวเอง คิดว่ามันเป็นกระบอกเสียงที่ดีไหม?
-เราแค่พยายามจะบอกตลอดในทุกครั้ง คือเหมือนว่าเสียงเราดังขึ้นด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร ถ้าครอบครัวความเข้าใจ ทำให้คนอื่นมองว่าการเป็นกลุ่ม LGBTIQ มันไม่ผิด เพราะโลกมันพัฒนาไปทุกวัน การเลือกเพศสภาพก็ไม่ผิดเหมือนกัน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยที่คุณไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองว่าคุณผิด ซึ่งโลกตอนนี้มันเลยคำว่าหญิงชายไปแล้ว มันอยู่ที่ความสบายใจและการเลือกความสุขของตัวเองเท่านั้น
คือเรายอมเลือกความสุขในแบบของเราใช่ไหม?
-ก็เหมือนที่เราเลือก คือหนูไม่ได้จำกัดความรักของตัวเองว่าจะเป็นรูปแบบไหนเพศไหน คือหนูมีความสุขแบบไหนก็ทำแบบนั้น
แฟนคลับสามารถตามดูโมเม้นต์ของคู่เรา “อิงล็อต” ได้ตลอดเลยไหม?
-ก็ไม่แน่ใจ แต่ยังเคยบอกน้องตลอดว่าทำทุกวันให้เป็นธรรมชาติ ทำในแบบที่หนูเป็นทำในแบบที่เราเป็น ไม่จำเป็นต้องจี้ วันนี้ต้องมาทำในแบบที่ไม่ใช่คนอื่นบอก เราไม่ได้ฟังใครทั้งนั้น ซึ่งโมเม้นต์มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แล้วคนเราจะมีความสุขเองนั่นแหละ เราบอกไปแล้วว่าอะไรที่มันเฟคมันจะเหนื่อยในอนาคต อยู่ด้วยกันแบบสบาย ๆ เป็นตัวเองที่ทำอะไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมาทำตามกระแส
สุดท้ายอยากจะขอบคุณอะไรไหม สำหรับการผ่านอุปสรรคจนมาถึงวันนี้?
-ก็อยากจะขอบคุณคนที่รัก ต้องขอบคุณคนที่เข้าใจจริง ๆ คือบางคนทำเหมือนเป็นคนในครอบครัวเราเลย เพราะเวลาเกิดเรื่องอะไรตามมาหรือเกิดเรื่องไม่ดีกับเรา เขาก็พร้อมที่จะสู้แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้เรา เวลาเจอปัญหา เราก็รู้สึกภูมิใจ ถึงแม้ว่ามันจะมีคนที่ไม่ชอบเราก็ตาม มันทำให้เราลืมไปเลย เพราะเห็นคนที่รักเรามีมากกว่าหลายเท่า พอเราเดินก้าวออกมาก็จะเห็นว่าคนเหล่านี้ ที่คอยโอบกอดอะไรต่าง ๆ ทำให้มีกำลังใจมากกว่าหลายเท่า จนกลายเป็นมีพลังดี ๆ มีความรู้สึกดี ๆ ที่เราอยากจะทำผลงานให้ออกมาได้มากที่สุด
มีเคล็ดลับจัดการมายเซ็ทของตัวเองยังไงบ้าง?
-มันมีค่ะ จะพูดเสมอค่ะกับคำว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ถึงจะมีเข้ามาเยอะก็ตาม เพราะตั้งเเต่ที่เราได้มงกุฎมันก็คือสิ่งที่ดีในชีวิตแล้ว เเต่หลังวันนั้นมาเจอดรามาอีก และเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ด้วยกัน ซึ่งมันเป็น 5 คำ ที่เราใช้ในชีวิตตลอด ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์เรื่องสุขดีมากน้อยแค่ไหน ก็ขอให้คิดเลยว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ถือว่ามันเป็นสิ่งที่เรานำมาใช้ มันมาจากคำสอนของพ่อด้วย