"ชูวิทย์" วิเคราะห์เป็นฉาก ๆ สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อผู้สมัครยังใช้วิธีหาเสียงเเบบเดิม ๆ ลั่นเเล้วจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ได้อย่างไร

 

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ออกมาวิเคราะห์สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โค้งสุดท้าย อย่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เราโยนคำถามเด็ด "คุณชูวิทย์" จะเลือกใคร 

 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะเลือกคน ๆ หนึ่ง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าใคร

ก่อนจะกล่าวต่อว่า ผู้ว่า กทม.ทุกคนที่หาเสียงในเวลานี้ กำลังหาเสียงผิดวิธี การติดป้ายโปรโมทตามเสาไฟฟ้า ตามต้นไม้ ทั้งหมดนั้น รู้หรือไม่ว่า ทำให้ตัวเองไม่อยากเลือกผู้สมัครคนไหนเป็นผู้ว่าฯ กทม.เลย 

 

 "แค่กระบวนทัศน์การทำงาน ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว แล้วนี่หรือที่คุณบอกว่าคุณจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ในเมื่อคุณเริ่มต้นด้วยวิธีการเดิม ๆ วิธีการหาเสียงเดิม ๆ วิธีการโฆษณาป้ายเดิม ๆ คุณไม่มีทางเปลี่ยนหรอก บอกได้เลยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คนได้ที่ 1 อาจจะไม่เกินล้านคะแนน อันดับ 2 อาจจะเป็นคนที่คุณไม่คาดคิด อันดับ 3 คนที่ลงในนามพรรคและมีปัญหาอยู่อาจจะหลุดลุ่ยเลย คนที่คิดว่าจะไปต่อได้ ก็อาจจะคะแนนไม่เยอะ"

 

เมื่อถามว่า มองนโยบายที่หลายคนหาเสียงกัน ดูแล้วทำได้จริงหรือไม่ นายชูวิทย์ ตอบว่า นโยบายต่าง ๆ ที่หลายคนพยายามพูดถึง แสดงให้เห็นว่าผู้ว่าฯ คนเดียวทำไม่ได้ เพราะผู้ว่าไม่ใช่ซุปเปอร์แมน แต่สิ่งที่ต้องเตือนผู้ว่าฯ กทม. คือเรื่องของการหาเงิน เพราะกรุงเทพฯ ไม่ได้มีรายได้มากนัก ต้องอาศัยเงินงบประมาณของรัฐบาล อันนี้คือข้อสำคัญ นโยบายที่หาเสียงไว้ จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วย

นายชูวิทย์ ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ มันเปลี่ยนไม่ได้หรอก เพราะปัญหาของกรุงเทพฯ ต้องแก้ไขด้วยทีมใหญ่ ๆ และต้องได้รับความร่วมมือจากคนกรุงเทพฯ ด้วย

 

"ขอโทษนะ เลือกตัวตลกสักคนดีไหม มันจะรุนแรงไปไหม เพราะถ้าเราเลือกตัวตลก มาสักคนหนึ่ง อย่างน้อยเราดูแล้วยังหัวเราะ หัวเราะเรื่องอะไร เอ่อมันหาเสียงมา มันทำได้เหมือนกัน แต่มันทำได้แค่เขตเดียว หรืออาจจะตลก เพราะนโยบายที่เขาเสนอมา ยังไม่ทันทำเลย เด้งไปซะแล้ว"

 

เมื่อถามถึงสิ่งแรกที่อยากให้ผู้ว่าฯ กทม.แก้ไขนั้น เขาตอบว่า สิ่งแรกที่ควรทำคือการทำ Timeline ว่าแต่ละปีจะทำอะไร เพราะเราไม่สามารถเลือกได้ว่าปัญหาไหนควรจะแก้เป็นอันดับแรก เพราะทุกปัญหามันเข้ามาพร้อมกัน จุดสำคัญ นโยบายที่หาเสียงกันมามันก็ซ้ำซาก ไม่ทันต่อความเจริญของกรุงเทพฯ ที่วันนี้มันไปไกลกว่านโยบายของผู้ว่าฯ กทม.แล้ว

 

"คนที่มารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. คนรับตำแหน่งนี้มันเป็นตำแหน่งที่มีกรรม คุณต้องมาเป็นคนใช้ผมนะ คุณต้องมาเก็บขยะให้ผมนะ คุณต้องทำงานให้ผมนะ "

 

นายชูวิทย์ยังเเสดงความเห็นในอนาคตเห็นด้วยที่จะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า การเลือกตั้งต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพล เพราะในต่างจังหวัด มักจะมีกระบวนการซื้อเสียง และอิทธิพล ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งมักจะมีตระกูล ที่แสดงอิทธิพลเป็นบ้านใหญ่ ให้ผู้คนรู้สึกว่าต้องเกรงใจ บรรดาข้าราชการเข้าไปก็ต้องไปซูฮก ดังนั้น คิดว่าหากเราเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้ทุกจังหวัดเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่มีอิทธิพลของบ้านใหญ่