“อัจฉริยะ” เปิดคลิปชำแหละกระบวนการสร้างหลักฐานเท็จ ยันบาดแผลใหญ่แตงโม เกิดจากของมีคม ไม่ใช่ใบพัดเรือ เชื่อเป็นฆาตกรรม ให้เวลา ผบ.ตร. 24 ชม. แก้เกมสางคดี หลังรับ ตร.ภูธรภาค 1 ยอมรับผิด ขู่หากไม่แก้ไข แจ้งความเอาผิดกราวรูด

 

วันที่ 9 พ.ค. 2565 ที่โรงแรมนนทบุรี พาเลซ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับหลักฐานในคดีแตงโม โดยช่วงแรกได้เปิดคลิปวิดีโอให้แก่สื่อมวลชนได้รับชม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อพิรุธในคดี มีรายละเอียดสำคัญ เป็นการบันทึกภาพและเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสาธิตใบพัดถูกบริเวณขาซ้าย 9 รอบ

เสียงระบุว่า ด้านขวามี 5 แนว สันนิษฐานว่าโดนใบพัดทั้งหมด 8 รอบ ส่วนด้านซ้ายมี 8 แนว  สันนิษฐานโดนใบพัด 9-10 ครั้ง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีแพทย์นิติเวชนำศพแตงโมออกมาทำอะไรกับขาที่เกิดบาดแผลใหม่ และสถานที่สกปรก นอกจากนี้มีคำรับสารภาพยอมรับผิดของตร.ภูธรภาค 1 พ.ต.อ.ขึ้นไป และมีการยอมรับของสถาบันนิติเวช ยอมรับว่า บาดแผลขาขวาไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ  ซึ่งมีการพูดคุยผ่านกล่องข้อความ อดีตแพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า และความพยายามกระบวนการนี้เพื่อให้สอดรับคำให้การของแซน

 

“ผบ.ตร. รับแล้วว่า มีการยอมรับผิดของตำรวจภูธร ภาค 1 หากท่านไม่ทำอะไร ท่านต้องมีคำตอบให้ประชาชน”

 

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ว่า ในวันที่พบศพแตงโม และมีการนำศพขึ้นมานั้น ปกติจะต้องมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์ และร้อยเวร ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น แต่มีการอ้างว่า มีคนมาก จึงให้นำศพไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เมื่อไปถึงปรากฎมีใบสั่งให้นำศพไป สภ.เมืองนนทบุรี ก่อน และมีการเปิดหน้าให้กู้ภัยเก็บดีเอ็นเอในปากแตงโม โดยไม่มีการเก็บทรายในมือ

จากนั้นได้นำไปสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ในเวลา 17.00 น.ของวันเดียวกัน และผ่าศพคืนนั้นเสร็จสิ้น ได้มีการพิสูจน์ศพแตงโมพบว่า มีบาดแผล 11 แผล โดยแพทย์มีการทำรายงานว่า มีบาดแผล 11 แผล เย็บบาดแผลเรียบร้อยแล้ว และมองว่า การพิสูจน์หลักฐานร่องรอยบาดแผลโดยจำลองเหตุการณ์กับหมูไม่ถูกต้อง

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่อฯ กล่าวต่อว่า มี “พล.ต.ต. อักษรย่อ ว.” บัญชาการวางแผนกระบวนการนี้ทั้งหมด ท่านนี้เป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง สั่งให้ดำเนินการจำลอง ทำอย่างไรก็ได้ ให้เข้ากับคำให้การของ “แซน”   ถึงขนาดกล้ามาก ร่วมกับแพทย์นิติเวช ในการจำลองเหตุการณ์นำศพออกมา  ทำให้ช่วงก่อนที่นำไปส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จำลองในสถานที่สกปรก สถานที่โล่งแจ้ง พื้นสกปรก หลังคาผุพัง เอาศพแตงโมมาจำลองกับใบพัดจริง

 

“ใบพัดเรือถือเป็นของกลางที่มีการอายัดแล้วในคดี เพราะใบพัดเรือถือเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุพยานสำคัญที่สามารถบ่งชี้ว่า บาดแผลแตงโมเกิดจากใบพัดเรือหรือไม่ ผลปรากฎว่า มีการถอดใบพัดเรือไปเมื่อ 1 มี.ค. ตามข่าว และตรวจดีเอ็นเอกับคราบเลือด ปรากฎว่าตรวจไม่พบ หลังจากนั้นจำลองให้เห็น จนกระทั่งเกิดบาดแผลมากมาย ยืนยันไม่ใช่หลักจำลองเหตุการณ์ที่ถูกต้อง”

 

นายอัจฉริยะ ยังตั้งคำถามว่า การนำศพออกมาได้ขออนุญาตจากแม่ของแตงโมหรือไม่ ทำหนังสือแจ้งทนายความหรือไม่ ในฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และใครเป็นคนสั่งให้นำศพออกมาจากสถาบันนิติเวช 

ส่วนใบพัดเรือ ย้ำว่า ของจริงหมุนด้วยมอเตอร์  ไม่ได้ใช้มือคน แม้กระทั่งหลักการหมุนก็ผิด ไม่ว่าหมุนซ้ายหมุนขวา ก็ไม่สามารถเข้ากับบาดแผลได้  

 

“เพราะบาดแผลแตงโมไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ โดยเฉพาะแผลใหญ่ ใบพัดเรือหมุนคนละทาง  แผลเป็นทางยาว แต่ใบพัดเป็นทางขวาง จึงไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ แต่เกิดจากฆาตกรรมของคนบางคน ทำให้เกิดบาดแผลใหญ่”

 

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่อฯ ยังระบุ แพทย์นิติเวชไม่สามารรถชี้ชัดได้ แต่บังอาจทำหลักฐานเท็จว่าใบพัดเรือแตงโม เข้าได้กับบาดแผล ดังนั้นสิ่งที่มีการจำลอง ใบพัดทำอย่างไรไม่เข้ากับบาดแผล ยกขาข้างหนึ่ง ใต้ขามีรอยขีด ทำไมไม่ยกอีกข้างหนึ่ง ทำรายงาน 11 แผล ต่อมารับศพมาทำแล้ว เป็นความอัปยศ ความโหดร้ายของแพทย์นิติเวช ทำรายงานเท็จ เอกสารปลอม ทำรายงานผลชุดสืบสวน

ทำให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เชื่อ เพราะแพทย์  “ไม่โทษ พล.ต.ท.จิรพัฒน์” เพราะเป็นคนดี แต่ท่านถูกหลอก เห็นชัดเจน มี พล.ต.ต.อักษรย่อ ว.บงการ ทำให้เห็นว่า บาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ เรามีหลักฐานมากกว่านี้  

ถามไปยัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะทำอย่างไร เอาพวกพ้องหรือความยุติธรรม

 

“ให้เวลา ผบ.ตร. 24 ชม. แก้ไขปัญหาคดีนี้ หากไม่ดำเนินการ  จำเป็นต้องดำเนินคดีกับท่าน”

 

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ไม่มีการตรวจทรายในมือ รองเท้าคนบนเรือ สามารถนำสืบได้ว่า ทรายมาจากแหล่งเดียวกันหรือไม่ เพราะแตงโมสำลักน้ำบริเวณผิวน้ำ  บนเรือไม่มีคราบเลือด จากการวิเคราะห์โดนของมีคม ที่เปิดขวดไวน์ก็ไม่ถูกพูดถึง แม้บาดแผลผู้อยู่บนเรือ หลายคนมีบาดแผล แพทย์คนสวยตรวจ ไม่ฟันธง ว่าบาดแผลเกิดจากอะไร บางคนแผลช้ำข้อมือ ถ้าทำตรงไปตรงมา ทำนำสืบได้หมด เรามีหลักฐานชัดเจนแล้วว่า เกิดที่ไหน อย่างไร แต่ไม่มีอำนาจนำพยานมาสอบปากคำ แต่มีอำนาจค้นสถานที่เชื่อว่าเป็นที่เกิดเหตุ

ต้องรอ ผบ.ตร.ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาใหม่ หลังจากปรากฎหลักฐาน ไม่มีความชอบธรรมให้ชุดนี้ทำ อาจให้กองปราบปราม หรือชุดเฉพาะกิจภาค 1 ยังเชื่อมั่นในตัว พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ท่านถูกหลอก ถูกวางยา หรือจะเอาใครก็ได้มาเป็นชุดเฉพาะกิจ ไม่เกิน 15 วัน พาไปชี้เป้าได้หมด .