"ธรรมนัส" ประกาศ มี ส.ส.ในมือ มากกว่า 40 คน หลัง "ชัยวุฒิ" ลั่น ไม่มีพรรคเศรษฐกิจไทย รัฐบาลก็ผ่านศึกซักฟอกได้-ซัด รมต.ปากเก่ง แต่บริหารงานล้มเหลว เตือนระวังตัวไว้ อภิปรายไม่ไว้วางใจข้อมูลแน่น หลุดเก้าอี้ไม่รู้ตัว

 

วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย นำ ส.ส.พรรครวมกันแถลงหลังประชุมกรรมบริหารชุดรักษาการนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยได้ข้อสรุปกำหนดจัดประชุมใหญ่เพื่อคักเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย.65 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า ในการประชุมพรรคร้อยเอกธรรมนัสจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรค และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร นั่งเป็นเลขาธิการพรรค

โดยร้อยเอกธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอสระบุว่า แม้ไม่มีพรรคเศรษฐกิจไทย รัฐบาลก็อยู่ได้ว่า ทุกครั้งที่ตนเองให้สัมภาษณ์ จะพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่รัฐมนตรีที่พูดแบบนั้น เช้าพูดอย่าง เย็นพูดอีกอย่าง รัฐมนตรีหลายคนปากเก่ง แต่บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ดังนั้น อย่าดีแต่พูด โกหกผู้ใหญ่ไปวัน ๆ ขอให้พึงระวังด้วย

ทั้งนี้ร้อยเอกธรรมนัสยังกล่าวอย่างมั่นใจว่า ตนเองไม่ได้มีเสียงในมือแค่ 16 เสียง แต่ครอบครัวธรรมนัสในสภามีเสียงมากกว่า 40 เสียง มี ส.ส. ทั้งในพรรคเล็ก พรรครัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐ ส.ส.เขตก็เป็นคนของตนเองอีกเยอะ ไม่อยากจะพูดเยอะ

"เสียงเรามีทั้งหมด 18 เสียง และอยู่ในสภา 16 เสียง ผมว่าเสียง 16 เสียงเป็นเสียงที่มีความสำคัญ และอยากจะบอกไปยังพี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักว่า เสียงในมือผมไม่ได้มี 16 เสียง ไม่ใช่แค่ 16 เสียง เมื่อเช้าถ้าฟังท่านพิเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ก็ชัดเจนว่า ผมมีสมาชิกอีกเยอะ ดังนั้น รัฐมนตรีแต่ละท่าน หลายท่านก็ทำคุณงามความดีกับบ้านกับเมืองมาเยอะ พึงระวังตัวด้วย ผมยืนยันว่า ผมมีมากกว่า 16 เสียง เราชี้แจงเมื่อวานเราดูด้วยเหตุ และผลไม่ได้ทำด้วยอารมณ์ รัฐมนตรีหลายท่านปากเก่ง แต่ในทางปฏิบัติการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ต้องระวัง"

โดยร้อยเอกธรรมนัสยังกล่าวย้ำว่า รัฐมนตรีที่อวดเก่ง ปากเก่ง ระวังไว้ เพราะตนเองมีข้อมูลอภิปรายแน่น ระวังหลุดเก้าอี้ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐพี่น้อง ๆ ของตนเองทั้งหลาย ก่อนจะเป็นรัฐมนตรีเป็นคนน่ารัก แต่พอเป็นรัฐมนตรีมีหัวโขน แล้วเปลี่ยนนิสัย ส่วนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจที่จะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใด เพราะต้องดูเหตุ และผลไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์