“นายกฯ” ผลักดันศักยภาพการส่งออกข้าวไทยต่อเนื่อง พร้อมยินดีที่ไทย-เวียดนาม ร่วมกันยกระดับราคาข้าว เพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดโลก - เชิญชวนเข้าร่วมงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ขับเคลื่อนอาหารไทยสู่สากล
วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดผลักดันศักยภาพการส่งออกข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุตสาหกรรมข้าวไทยมีโอกาส และปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้เติบโต ทั้งด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานของข้าวไทยที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยสามารถแข่งขันได้ และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น พร้อมกันนี้ได้กำชับภาครัฐ และภาคเอกชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขด้านการผลิต และการส่งออกอย่างเคร่งครัด เพื่อคงคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลกให้ดีอยู่เสมอ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ไทย-เวียดนามได้ร่วมกระชับความสัมพันธ์ด้านเกษตรกรรม โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ดร.ทรัน ทานห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม ได้หารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยในกรอบการเพิ่มความร่วมมือหลากหลายประเด็น ได้แก่
1. ความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางเกษตร
2. การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์การเกษตร ซึ่งฝ่ายเวียดนามเห็นว่าประเทศไทยมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้มเข็ง และมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์ OTOP จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มาดูงานด้านสหกรณ์ในประเทศไทย
3. การสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เครื่องมือทางการเกษตรแทนแรงงานคน
4. การอบรมเกษตรกร
5. ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
โดยในการหารือในครั้งนี้ มุ่งหวังยกระดับราคาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้แก่ชาวนา อีกทั้งเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดโลกหลังราคาข้าวมีอัตราที่ต่ำมากว่า 20 ปี สวนทางต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เสนอความร่วมมืออื่น ๆ เพื่อพัฒนาเกษตรกรในทุกมิติ อาทิ การสนับสนุนจัดตั้งสภายางพาราอาเซียน การเร่งรัดอนุญาตนำเข้ามะม่วง และเงาะจากไทย การส่งออกลูกไก่ และไข่ฟักพ่อแม่พันธุ์ไปเวียดนาม หรือการเสนอเวียดนามเพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ทั้งทางบก และทางเรือระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าทางการเกษตรสู่ประเทศจีน เป็นต้น
นายธนกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมทุกฝ่ายในการร่วมกันทำงานเพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านการผลิต และการส่งออกข้าวของไทย ตลอดจนสินค้าเกษตรอื่น ๆ ในตลาดโลก และยินดีที่ชาติสมาชิกอาเซียนร่วมกันผลักดันความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการตลาดระหว่างภูมิภาค พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร เกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบการประเภทต่าง ๆ อีกทั้งขับเคลื่อนกลไกทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยนายกฯ เชื่อมั่นในประสิทธิภาพอุตสาหกรรมเกษตรไทยที่มีศักยภาพ ตลอดจนได้เชิญชวนประชาชนร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้าอาหารระดับโลก THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 พฤษภาคม 2565 ณ อาคาร Challenger Hall 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารของไทยสู่การเป็นส่วนหนึ่งของอาหารโลก ตามแผนกลยุทธ์ Soft Power สร้างความต้องการสินค้าและบริการของไทย เพิ่มมูลค่าการส่งออกจากประเทศไทยไปทั่วโลกเพิ่มมากยิ่งขึ้น