"ชัชชาติ" ลงพื้นที่ชุมชนแออัดย่านทองหล่อ วาง 3 แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุข กทม. ยัน ไม่กังวลปมถูกสอบป้ายหาเสียง เผยแจง กกต. หมดแล้ว ขอเวลา 1 เดือน ตรวจเอกสารสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ย้อนอดีตก่อนพิจารณา
วันที่ 29 พ.ค. 65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ และนายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ว่าที่ ส.ก. เขตวัฒนา พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ชุมชนหลัง สน.ทองหล่อ เขตวัฒนา เพื่อสำรวจชุมชนแออัดไม่ได้จดทะเบียนชุมชน และสำรวจคลองเป้ง ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน พร้อมทั้งพบปะประชาชนที่มาฉีดวัคซีนที่คลินิกชุมชนอบอุ่น
โดยนายชัชชาติกล่าวว่า ย่านทองหล่อถือเป็นใจกลางเมือง แต่มีชุมชนที่ไม่เคยเห็นว่าเป็นชุมชนแออัดซ่อนอยู่ 3-4 แห่ง เช่น ชุมชนหลัง สน.ทองหล่อ ชุมชนริมคลองเป้ง ชุมชนลีลานุช มีประชากรรวมกันอยู่ 300-400 หลังคาเรือน หลายชุมชนอยู่อย่างผิดกฎหมาย ไม่มีโฉนด รุกล้ำที่สาธารณะ ขณะเดียวกันกลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนที่ขับเคลื่อนเมืองประกอบอาชีพ เช่น แม่บ้าน รปภ. มีที่ทำงานอยู่ในพื้นที่เอกมัย ทองหล่อ ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก จึงต้องพยายามปรับให้คนในชุมชนไปอยู่ในที่ที่ถูกกฎหมาย มีที่อยู่อาศัยมั่นคง โดยเริ่มจากการออมในชุมชน จากนั้นค่อยขยับขยายไปหาที่ที่ถูกกฎหมาย และระหว่างหาที่ถูกกฎหมายให้คนในชุมชน ก็ต้องดูแลคุณภาพชีวิตด้วย โดยได้เชิญนักวิชาการจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาดูพื้นที่ เพราะสาธารณสุขใน กทม. มีความซับซ้อน และมีหลายระดับ แต่หน้าที่ กทม. คือ ขั้นปฐมภูมิ ซึ่งเป็นด่านแรกที่มาเผชิญปัญหา โดย กทม.มีศูนย์สาธารณสุขอยู่ 69 แห่ง แต่ศูนย์สาธารณสุขยังอยู่ไกลชุมชน
ดังนั้นแนวนโยบายคือจะต้องนำการให้บริการสาธารณสุขลงมาในพื้นที่ชุมชนโดยคนในชุมชนไม่ต้องไปที่สาธารณสุข แต่ปัญหาคือ ข้อจำกัดด้านบุคลากรที่มีจำนวนไม่มาก จึงต้องมีเครือข่ายร่วมกับคลินิกชุมชนอบอุ่น แต่ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาเรื่องการทุจริตอยู่บ้าง ทั้งนี้ มองว่าหากจะให้บริการที่ทั่วถึงจะต้องมี 3 แนวทาง คือ
1. มีเครือข่ายชุมชนอบอุ่น โดยร่วมกับภาครัฐ เอกชน และคนในชุมชุน เพื่อมาดูแลสุขภาพในเบื้องต้น
2. ใช้เทคโนโลยี "Telemedicine" มาเชื่อมต่อในการดูแลผู้ป่วยจากระบบทางไกล
3. การขยายเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข หรืออสส. ให้เข้มแข็งขึ้น และเพียงพอกับพื้นที่ และจำนวนประชากรของ กทม.
ทั้งนี้ นายชัชชาติให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต. ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับตนเอง 2 เรื่อง คือ เรื่องกระเป๋ารีไซเคิลจากป้ายหาเสียง และเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนว่า นายชัชชาติพูดดูถูกด้อยค่าระบบราชการว่า ไม่ได้กังวล เพราะได้ชี้แจงข้อกล่าวหาทั้ง 2 เรื่องต่อ กกต. แล้ว และไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สบาย ๆ
ส่วนประเด็นเรื่องการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว นายชัชชาติย้ำว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง หน้าที่เราคือไปดูในสิ่งที่คนอื่นทำมาแล้ว เช่น สัญญาเก่าเป็นอย่างไร รับหนี้อย่างไร ต่อสัญญากี่สิบปี และเมื่อเข้าไปจะใช้เวลา 1 เดือนในการตรวจสอบเอกสาร แล้วพิจารณาว่า จะเดินต่อย่างไร โดยย้ำว่า ไม่ได้ใช้อารมณ์ในการพิจารณา แต่ดูประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการหารือกับพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แนวคิดจะคล้ายกัน แต่เป็นนโยบายของตนเองตั้งแต่หาเสียงอยู่แล้วว่า จะต้องโปร่งใส และราคามีการแข่งขันที่เป็นธรรม
ส่วนหนี้ที่ กทม. ติดบีทีเอสอยู่หลายหมื่นล้านบาทนั้น ก็มีกังวล แต่หลังปี 72 เงินก็จะเป็นของ กทม. ก็ต้องมาดูว่า ผ่อนจ่ายหนี้ได้หรือไม่ เหมือนกับต้องดูอดีตว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน