"พิธา" ลั่น พรรคก้าวไกล ไม่ยอมผ่านงบ 66 แน่นอน ชี้จัดงบเหมือน "ช้างป่วย" ไม่ตอบโจทย์ฟื้นฟูประเทศ

 

วันที่ 29 พ.ค. 65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เพราะด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

1. เรื่องสถานการณ์โควิดที่ทั่วโลกจากเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 4 ล้านคน ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 5 แสนคน ขณะเดียวกันอัตราเสียชีวิตก็ลดลง การฉีดวัคซีนก็เยอะขึ้น การท่องเที่ยวการเดินทางเริ่มกลับมา

2. การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาซึ่งทำให้คนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ด้วย

3. บทอวสานของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ครบ 8 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะต้องสิ้นสุดลง

โดยทั้ง 3 ปัจจัยนี้คือสิ่งที่ตนเห็นว่า คือความหวัง และเราต้องสร้างความหวังด้วยการจัดงบฯ ปีนี้ให้ดี เพื่อให้ประเทศไทยไปข้างหน้า แต่เมื่อดูการจัดงบฯ ปี 2566 แล้ว เหมือนช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ งบมากที่สุดก็คือ งบกลาง 8 แสนกว่าล้าน นอกจากนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ กถูกใช้ไปกับงบฯ บำนาญและสวัสดิการข้าราชการ ส่วนถ้าไปดูงบฯ ที่ปรับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คืองบฯ รัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยรับที่ได้สูงสุด คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งปรากฏว่า เป็นงบฯ ที่จ่ายอุดหนุนการเกษตรย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 จึงอาจกล่าวได้ว่า แทนที่จะเป็นการจัดงบฯ เพื่อฟื้นฟูไปสู่อนาคต แต่เป็นการจัดงบฯ ของอดีต

ทั้งนี้นายพิธากล่าวด้วยว่า กรณีงบฯ ส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ไปกับการดูแลข้าราชการนั้น ถือว่า เป็นยาขมที่เราต้องมาช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้คล่องตัวขึ้น ไม่อุ้ยอ้ายอย่างที่เป็นอยู่ และหนึ่งในนั้นที่เราคิดกันไว้ก็คือเรื่องของการกระจายอำนาจ ให้ข้าราชการไปสังกัดอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การทำให้สวัสดิการของประชาชนเพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ จะปล่อยให้งบบำนาญข้าราชการสูงกว่าสวัสดิการประชาชนคนชรา ถึง 57 เท่า อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ก็จะเหมือนกับว่า เราเก็บภาษีจากประชาชนเพื่อมาดูแลรัฐราชการอุ้ยอ้าย ไม่สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ควรรจะมีความหวัง เป็นปีแห่งการฟื้นฟู แต่การจัดงบประมาณไม่บอกเราอย่างนั้น ดังนั้น พรรคก้าวไกลคงไม่ยอมให้ผ่านวาระแรกไปได้แน่นอน