นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ชี้แจงประเด็นคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ กับทนายเดชา หรือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่ถูกเผยแพร่ออกมา และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยระบุว่า บทสนาที่มีการนำเผยแพร่ เป็นการพูดคุยกันตามปกติในฐานะคนสนิท และที่ผ่านมาก็คุยแบบนี้กับทุกคน ไม่คิดว่าทนายเดชาจะนำมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน
ส.ส.เต้ อธิบายว่า การโทรไปพูดคุยครั้งนี้ แค่เตือนเพราะไม่อยากให้ ทนายเดชายุ่งกับคดีของแตงโม หรือแม่แตงโม เพราะตอนนี้ ทนายเดชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว และตอนนี้ตัวเองก็เป็นคนเข้ามาดูแล จึงไม่อยากมีความขัดแย้งกับทนายเดชาที่นับถือเหมือนพี่ชาย พร้อมทั้งยอมรับว่า คำพูดอาจฟังแล้วดูรุนแรง แต่จริงๆแล้ว แค่พูดเล่น หยอกล้อแบบพี่น้องเท่านั้น และคำพูดที่บอกว่าจะ "กำจัด" ก็ไม่ใช่การข่มขู่ อาฆาต แต่เปรียบเทียบว่า เหมือนเป็นวัชพืชที่ต้องกำจัด ยกตัวอย่าง คดีนี้ทนายเดชาออกมาแสดงความเห็นต่างๆ จนทำให้คดีไขว้เขว คนเข้าใจผิด ก็ต้อง กำจัด แต่กำจัดในที่นี้ก็ไม่ใช่การฆ่า แต่หมายถึง "เป็นวิธีทางการเมือง" หรือ "ดำเนินคดี"
นายมงคลกิตติ์ ยกตัวอย่าง คำว่า จัดการ ด้วยวิธีทางการเมืองว่า หากกรณีที่ทนายเดชาเผยแพร่คลิปเสียง ทำให้ลูกพรรคไม่พอใจ อาจมีการรวมตัวกันไปประท้วง หรือไปแจ้งความพื้นที่ไกลๆ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ที่มีสมาชิกพรรคอยู่ที่นั่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ทนายเดชาต้องลำบาก เพราะการเมืองปัจจุบันมีความรุนแรง
นายมงคลกิตติ์ยังเปรียบเทียบกับกรณีของทนายตั้ม ที่เคยถูกกลุ่มคนจ.ภูเก็ต รวม ตัวกันประท้วงเรื่องการตรวจสถานบันเทิง และตอนนี้ก็ทราบมาว่า สมาชิกพรรคเตรียมจะไปแจ้งความเอาผิดทนายเดชา ที่จังหวัดภูเก็ต และนราธิวาส
สำหรับประเด็นการใช้คำพูดรุนแรง ส.ส.เต้ บอกว่า ตัวเองไม่ใช่คนกร่างและไม่ได้ใช้อำนาจความเป็นนักการเมืองมาข่มขู่ เพราะถึงแม้ไม่ใช่นักการเมือง ตัวเองก็มีอำนาจอยู่แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า สิ่งที่ทำไม่ได้ขัดกับจริยะธรรม รวมถึงมองว่าถ้าคดีการการเสียชีวิตของแตงโมได้รับความยุติธรรม ก็จะเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เตรียมแจ้งความทนายเดชา เพราะการนำคลิปสนทนามาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่า มีความผิด ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และยังทิ้งท้ายฝากบอกทนายเดชาว่า หลังจากนี้ควรหยุดแสดงความคิดเห็นหรือพูดพาดพิง ถ้ายังไม่หยุดจะส่งไวน์ไปให้อาทิตย์ละขวด จะได้ดื่มให้สบายใจ ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องนี้อีก
ส่วนทางคดีแตงโม สส.เต้บอกว่า ตอนนี้นายอัจฉริยะเป็นคนดำเนินการ และรอให้บังแจ็คส่งโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นวัตุพยานสำคัญทางคดีกลับมาประเทศไทย ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็น ที่ก่อนนี้นายอัจฉริยะ เคยไลฟ์สดและบอกว่า บังแจ็คเป็น 18 มงกุฎ แต่วันนี้กลับมาทำงานร่วมกัน เท่ากับ ย้อนแย้งกับคำพูดตัวเองหรือไม่ นายมงคลกิตติ์บอกว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะที่ผ่านมา นายอัจฉริยะไม่เคยทำงานกับ บังแจ็คมาก่อน แต่สำหรับคดีนี้ได้ขอความร่วมมือ เพื่อให้ช่วยกันคลี่คลายคดีของแตงโม เพราะแม่ได้แต่งตั้งให้บังแจ็คเป็นที่ปรึกษา ตรวจสอบวัตถุพยาน และส่วนตัวไม่ได้มองว่า การที่บังแจ็คเป็นผู้ต้องหา หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ จะเป็นปัญหา เพราะยังไม่มีคำตัดสินจากศาลว่าบังแจ็คผิด สักคดี เปรียบเทียบกับตัวเอง และนักการเมืองคนอื่นๆ ก็มีคดีติดตัว ถูกฟ้องเหมือนกัน